สวัสดีครับทุกคน อากาศเมืองไทยร้อนขึ้นทุกวันแบบนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับ Fruity Spoon ที่จะได้ทำตัวเหมือนเหล่าแม็กกาซีนตามแผงทั้งหลายที่ชอบกลั่นแกล้งคนขี้ร้อน ให้นอกจากร้อนกายจนเหงื่อแตกท่วมแล้วยังจะให้มันร้อนข้างในให้ซาบซ่านสาดกระเซ็นกันเข้าไปอีก ด้วย 10 อันดับเพลงสุดเซ็กซี่ที่คัดมาแล้วทั้งชายหญิง ไม่ว่าจะร็อคหรือป็อป จากทุกยุค ทุกเพลงที่ผมเคยฟังแล้วคิดว่ามันเซ็กซี่เข้าขั้นก็กวาดมารวมกันให้หมด เตรียมคัตตั้นบัดคันหูไว้เลยเพราะมันเป็นอะไรที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกกกกกกก!!
อันดับที่ 10 : Arctic Monkeys - Suck It and See
ยอมรับมาซะดีๆว่าคุณก็เป็นหนึ่งคนที่แอบมีแฟนตาซีถึงการใช้ชีวิตโลดโผน สุดเหวี่ยง ไม่ต้องเกรงใจใครหน้าไหนอีกต่อไป ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น ขอแนะนำ Suck It And See เพลงนี้เลยครับ มันคือ Teenage Dream แห่งโลกร็อคแอนด์โรลที่พร้อมจะลดทอนภาระหนักอึ้งบนโลกนี้ให้เหลือเพียงคุณกับคนรักที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็สวยงาม น่าเทิดทูนบูชาไปซะหมด เอ็มวีเพลงนี้ได้ Matt Helders พ่อหนุ่มมือกลองของวงมารับบทสิงห์มอเตอร์ไซค์สุดเท่ห์ ที่ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ต้องหงอเป็นแมวน้อยให้กับแฟนสาวนางแบบสุดเซ็กซี่ ใช้ชีวิตกันอย่างสุดสวิงกับเซ็กซ์และความบ้าระห่ำแบบระเบิดเถิดเทิง ถามจริงๆชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีก
อันดับที่ 9 : Janet Jackson - I Get So Lonely
อันดับเก้าเปลี่ยนอารมณ์มาย้อนกลับไปสมัยยุคท็อปฟอร์มของเจเน็ท แจ็คสัน กันบ้างดีกว่า I Get So Lonely นี้เป็นอาร์แอนด์บีบัลลาดเบาๆที่ถ้าเปรียบเป็นเบียร์ก็คงเป็นประเภทที่มีฟองละเลียดชวนให้ลิ้มลอง แต่เมื่อได้สัมผัสก็ต้องติดใจในความเข้มข้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยของมัน เพราะเสน่ห์ความเซ็กซี่นั้นอยู่ที่เนื้อเพลงเพลงนี้เต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่มีวันสมหวัง ความอ้างว้างรอวันให้ใครซักคนมาเติมเต็ม นานวันยิ่งพอกพูนหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเอ็มวีก็ไม่มีอะไรนอกจากเจเน็ท เต้น เต้น และก็เต้นจนอะไรที่มันคับอกคับใจมันระเบิดออกมาเท่านั้นเอง
อันดับที่ 8 : The Weeknd - What You Need
อันดับแปดปรับอุณหภูมิขึ้นอีกหน่อยแต่ยังคงอยู่กับอาร์แอนด์บีเหมือนเดิมกับ What You Need ของศิลปินหนุ่มจากแคนาดาในนาม The Weeknd ที่เมื่อปีที่แล้วได้มีผลงานอัลบั้ม House of Balloons ที่เต็มไปด้วยเพลงเซ็กซี่ปรอทแตกแบบนี้เต็มไปหมด จะให้หยิบที่ฮ็อทที่สุดก็คงเป็นเพลงนี้ ที่เปิดขึ้นมาด้วยจังหวะเนิบนาบ เสียงลมหายใจแผ่วเบาสลับกับบีทเชื่องช้า ตามด้วยเสียงร้องสุดรัญจวนของนาย Abel ที่คอยพร่ำบอกว่าไอ้หมอนั้นมันคือสิ่งที่คุณต้องการ แต่ผมต่างหากคือสิ่งที่คุณปรารถนา ฟังแล้วถูกใจสาวสองใจอยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนกันหรือเปล่า
อันดับที่ 7 : The Kills - U R A Fever
สำหรับอันดับเจ็ดนี่จะอธิบายยังไงได้ในเมื่ออย่างเดียวที่ผมคิดคือ สิ่งนี้มันคือการเสพย์สังวาสทางดนตรีชัดๆ !! ถึงแม้เนื้อเพลงจะฟังแทบไม่ได้ศัพท์ว่าจะสื่ออะไรกันแน่ แต่จะคิดเป็นอะไรไปได้ เพราะนอกจากเสียงโทรศัพท์ลอยไปมา กับกีตาร์ที่แผดเข้ามาเป็นระยะ มันก็มีแต่การผลัดกันกระซิบกระซาบกันระหว่างชายหญิง คนละนิดละหน่อยสลับกันอย่างเร่าร้อนระหว่างนักร้องนำสาวสุดกรันจ์ที่เปี่ยมไปด้วยเซ็กซ์แอพพีลอย่าง Alison Mosshart กับนาย Jimmy Hince มือกีตาร์หนึ่งเดียวในวง ที่ป่านนี้คงได้ไปนอนร้องเพลงนี้กับเคทมอสแฟนสาวของเขากันสองต่อสองไปนานแล้ว
อันดับที่ 6 : Robin Thicke - Sex Therapy
จะว่าไปหน้าที่หลักของ Robin Thicke ในวงการดนตรีทุกวันนี้ก็คือการตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงเซ็กซี่ปรอทแตกออกมาหว่านเสน่ห์หนุ่มสาวจนกระเจิดกระเจิงกันให้รู้แล้วรู้รอดไป นั่นละคืองานของเขา และดูเหมือนจะทำสำเร็จมาตลอดซะด้วย เพราะไม่ว่าจะหลับตาจิ้มซักกี่อัลบั้มของพ่อยอดชายก็คนนี้ ประเด็นหลักมันก็ไม่ยอมเลื้อยลงมาจากเตียงซักที สำหรับเพลงนี้พี่ร็อบบินแกก็ขี่โรลส์รอยซ์คันโก้มาขออาสาเสนอวิธีการเซ็กส์บำบัดด้วยเพลงประมาณว่า ถ้าอยากร้องก็ร้องได้นะครับ ไม่ต้องกลัวผมนะครับ ผมจะบำบัดให้เอง เอิ่มใครสนใจอยากจะเข้าทรีตเม้นต์นี้ก็อย่าลืมขออนุญาติ Paula Patton ศรีภรรยาของเขาก่อนนะครับ
อันดับที่ 5 : Donna Summer - Love To Love You Baby
มาถึงครึ่งทางอันดับห้าผมขอพาคุณย้อนยุคกลับไปฟังเพลงที่โด่งดังและเซ็กซี่ที่สุดในยุค 70s กันครับสำหรับเพลงนี้ถ้าใครไม่คุ้นให้นึกถึงท่อนนึงในเพลง Naughty Girl ของบียอนเซ่ก็คงจะนึกออก ส่วน Love To Love You Baby ของราชินีเพลงดิสโก้ Donna Summer ที่ผมเอามาแปะนี้เป็นเวอร์ชั่นเต็มสิบเจ็ดนาทีที่จะพาคุณล่องลอยชวนฝันไปกับเมโลดี้จากคีย์บอร์ดย้อนยุค เบสไลน์ดิสโก้ และที่สำคัญเสียงของดอนน่าที่ในสมัยนั้นหลายคนคุยกันให้แซ่ดว่าเธอทำอะไรอยู่ในขณะอัดเพลง? ไม่ใช่อย่างที่คิดใช่ไหม? จะจริงหรือไม่อันนี้ต้องสัมผัสเอง แต่บอกไว้ก่อนว่าเพลงนี้ฟังๆไปมันมีถึงจุดสุดยอดด้วยนะ เอากับมันซิ
อันดับที่ 4 : The Stooges - I Wanna Be Your Dog
อันดับสี่เราก็ยังไม่หนียุค 70s ไปไหนเเต่ขอสลับกลับมาที่ฝั่งร็อคกันบ้าง เป็นอีกหนึ่งเพลงที่มีคนเอากลับมาคัฟเวอร์กันซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ Joan Jett ไปจนถึง Futon วงเก่าพี่จีนกษิดิษฐ์ก็มีเอี่ยวกับเขาด้วย สำหรับ I Wanna Be Your Dog ของ The Stooges นี้ถ้ามันคือ Sexual Fantasy มันก็จะต้องจัดอยู่ในหมวด Hardcore อย่างไม่ต้องสงสัย ลืมความนุ่มนวลชวนฝันไปให้หมดเพราะมันจะเหลือแต่ความดิบ เถื่อน โหดล้วนๆ ตั้งแต่กีตาร์ตอนอินโทร เสียงร้องหยาบๆของ Iggy Pop ที่พาจินตนาการคุณไปถึงไหนต่อไหน (ได้โปรดจินตนาการเขาตอนหนุ่ม) จึงไม่แปลกที่เพลงนี้มักถูกจัดอยู่อันดับต้นๆในลิสต์เพลงประเภท Sexy, Striptease อะไรเทือกนี้อยู่เสมอ
อันดับที่ 3 : Britney Spears - Breathe On Me
เพลงนี้ไม่ต้องอาศัยเอ็มวีหรือการตัดเป็นซิงเกิ้ลโด่งดังใดๆทั้งสิ้นก็เข้าตาขึ้นมาอยู่อันดับสามของผมได้ Breathe On Me เป็นเพลงเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในอัลบั้ม In The Zone ของหนูหอกบริทนีย์เมื่อสมัยปี 2003 นู้น ร้อนๆแบบนี้บริทนีย์เธอไม่ได้ขออะไรมาก ขอเพียงแค่คุณหายใจรดลงมาบนตัวฉันเบาๆซิคะ แล้วฉันจะดับร้อนให้เอง ส่วนที่เหลือก็ไปจินตนาการกันเองครับ -- ผมไม่คิดว่าจะอะไรเหมาะกับเสียงร้องประเภทลิ้นจุกปากของนังหอกมากไปกว่าซาวน์กึ่ง Trip-Hop ลอยๆ กับเนื้อร้องเย้ายวนไปมากกว่านี้แล้ว มันเลยกลายเป็นเพลงที่ผมคิดว่าเซ็กซี่มีชั้นเชิงที่สุดของบริทนีย์ไปโดยปริยาย คิดแล้วก็อยากจะจับนังหอกมานั่งฟังเพลงเก่าๆที่ตัวเคยร้องจังจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์เอาไปปรับใช้กับปัจจุบันบ้าง
อันดับที่ 2 : Serge Gainsbourg & Jane Birkin - Je T'aime Moi Non Plus
เกือบแล้วครับ เกือบจะอันดับหนึ่งแล้ว มาต่อที่อันดับสองคราวนี้ไปฟังเพลงในภาษาที่เซ็กซี่ที่สุดระดับโลกกันครับ มันคือภาษาฝรั่งเศสนั้นเอง ภาษาที่ถ้าคุณแค่พูดว่า I Love You มันจะแปลว่าฉันอยากจะกลืนกินคุณไปทั้งตัว เพลงนี้ของหนุ่มสุดแสบ (และฉาว) Serge Gainbourg นั้นว่ากันว่าแรงจนถูกแบนทั่วยุโรปในสมัยนั้น โดยเพลงนี้ดั้งเดิมแล้วแต่งขึ้นมาเพื่อร้องกับแฟนสาว Brigitte Bardot ดาราเซ็กซ์บอมบ์ของฝรั่งเศสในยุคนั้น วันดีคืนดีก็ต้องมาเลิกรากันเสียก่อนจนได้มาได้ร้องคู่กับ Jane Birkin ภรรยาคนใหม่ของเขา (ใช่แล้ว Birkin นี่แหละที่มาของกระเป๋า Birkin ของ Hermes ครับ) ส่วนเขาร้องว่าอะไรนี่ผมก็คร้านจะเปิดดิกครับ แต่ยังไงมันก็รัญจวนใจเหลือเกินอยู่ดี
อันดับที่ 1 : Madonna - Justify My Love
อันดับหนึ่งแน่นอนครับ คงไม่มีใครพูดถึงความเซ็กซี่โดยไม่เอ่ยชื่อ Madonna ได้ Justify My Love ตอบโจทย์ที่สุดเพราะมันคือเพลงที่ว่าด้วย Sexual Fantasy โดยตรง ในเพลงนี้เจ๊แม่เดินดุ่มๆแบกกระเป๋าราคะหนักอึ้งไปตามทางเดินจนจู่ๆก็ลากชายหนุ่มหน้ามนที่ไหนไม่รู้ลากเข้าห้องไป ระหว่างนั้นเราจะได้ยินเสียงกระเส่าในเนื้อเพลงที่แทบจะไม่ได้เป็นเพลงด้วยซ้ำ กับเสียงผู้ชายในท่อนคอรัสนั้นคือเสียงของเซียนกีตาร์ Lenny Kravitz ที่ในขณะนั้นเจ๊แม่ก็เป็นข่าวกับเขาอยู่ -- มาดอนน่าทั้งถูกแบน ถูกกำหนดเวลาฉาย และถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอย่างหนัก แต่ท้ายที่สุดมาดอนน่าคือผู้หญิงที่เปิดหน้าต่างให้กับศิลปินหญิงรุ่นหลังให้สามารถพูดถึงเรื่องความปรารถนาทางเพศบนสื่อกระแสหลักได้อย่างเสรีเหมือนทุกวันนี้ เธอคือคนที่ยืดอกบอกว่าทำไมล่ะ ฉันก็มีหัวใจไม่ต่างจากผู้ชายเท่าไหร่หรอก และดนตรีป็อปก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป