Monday, August 13, 2012

LONDON OLYMPICS 2012 CLOSING CEREMONY !!


พยายามจะทำตัวให้รู้สึกเศร้าสลดกับการจากลาและความประทับใจของมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่าง London Olympic 2012 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่แล้ว แต่ก็ต้องขอเลิกล้มความพยายามคาดเค้นความปิติและบอกกันตรงๆเลยดีกว่าว่าไม่ได้อินอะไรกับกีฬาและดราม่าอะไรกับเขานัก สิ่งเดียวที่ทำให้ใครหลายๆต้องนั่งเกาะขอบจอดูแบบลุกไม่ขึ้นนั้นก็คือโชว์อลังการตระการตาของแต่ละเมืองในแต่ละปีว่าจะออกมาเป็นอย่างไรมากกว่า และสำหรับลอนดอนปีนี้ก็หมดเงินไปกว่าสี่พันล้านปอนด์ไปกับเฉพาะพิธีเปิดและปิดเท่านั้น งานใหญ่นี้คนดูเป็นพันล้านทั่วโลก ก็ได้ทั้งดอกไม้และก้อนหิน แต่คำวิจารณ์ส่วนใหญ่จากสื่อต่างชาติต่างพากันสรรเสริญความเป็นเลิศทางมนุษย์นิยมของเมืองลอนดอนแห่งนี้ ในขณะที่สื่ออังกฤษเองกลับบ่นเบื่อเรื่อง pop trash และ celebrity ล้นงาน ก็นะ ประเพณีนิยมตามธรรมเนียมผู้ดีเก่ากันไป

ก่อนเราจะเข้าคอนเซปต์บล็อกเพลงพูดถึงดนตรีและโชว์ต่างๆในงานนี้ โดยเฉพาะ Spice Girls ซึ่งผมแทบจะอดรนทนที่จะพูดถึงไม่ไหว ขอพูดเรื่องเวทีซึ่งเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เก๋ไก๋น่าสนใจอยู่ทีเดียว สำหรับพิธีปิดนี้มีทั้งพิธีรีตองสำคัญมากมาย ที่กำหนดไว้ในคำสั่งของ IOC ไม่ว่าจะเป็นพิธีรับเหรียญมาราธอน หรือการกล่าวปิดงานโอวาทอะไรต่อมิอะไร จะให้มาสร้างหอสูงสามสิบเมตร เปลี่ยนพื้นหญ้าเป็นคอนกรีต เหมือนที่ Danny Boyle ทำตอนเปิดก็คงจะลำบาก งานนี้ Kim Gavin ทำเก๋ด้วยการออกแบบเวทีถาวรเป็นรูปธงอังกฤษที่มองเห็นได้ไกลจากระยะเฮลิคอปเตอร์ สร้างถนนวนรอบเตรียมพร้อมออกศึกให้ศิลปิน ดารา นางแบบ ออกมาเหาะเหินเดินอากาศได้สะดวก ส่วนพื้นด้านล่างที่เป็นลายธงชาติอังกฤษขนาดยักษ์ผลงานของ Damien Hirst ถือว่าเป็นผลงานที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา ต่อมาพื้นธงชาติที่ว่าก็กลายมาเป็นที่ชมคอนเสิร์ตแบบ ring-side สำหรับนักกีฬาได้อย่างแนบเนียน คราวนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ามีเวทีอัจฉริยะแบบนี้

Emily Sande
หลังจากเปิดตัวด้วยเมืองจำลองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และเอา London Eye มาตีเกราะเคาะเพอร์คัชชั่นแบบงงๆ แล้ว ก็ถึงตาของสาว Emily Sande เจ้าของอันดับหนึ่ง UK Chart ที่ป่านนี้คงน้อยใจแย่เพราะหลายคนติงว่าใยจึงไม่ใช่ Adele ล่ะนี่? อย่างไรก็ตาม เธอออกมาร้องเพลงที่คัดมาอย่างดีจากอัลบั้ม Our Version of Heavens ชื่อว่า Read All About It ที่เรียกน้ำตาของนักกีฬาที่ผ่านประสบการณ์เหนื่อยยากสุดประทับใจได้อย่างไม่มีที่ติ

Madness/Pet Shop Boys/One Direction
เมื่อเพลงชาติอังกฤษจบลงก็ถึงเวลา Street Party กับแก๊งค์กีฬาสีสุดน่ารัก รถราออกมาวิ่งว่อนสนามมิได้หยุดหย่อน และสามกลุ่มศิลปินสามรุ่น ที่หนึ่งในนั้นคือ Madness วงที่อยู่คู่อังกฤษมาไม่แพ้เพลงชาติ God Save the Queen เลยทีเดียว และ Pet Shop Boys เป็นตัวแทนวัยทำงานมากับเพลง West End Girls ซินธ์ป็อปรุ่นบุกเบิกใครไม่เคยได้ยินขอให้ฟังซะ และที่ขาดไม่ได้คือคู่ใจวัยติ่งอย่าง 1D ที่พกพาความน่ารักน่าชังมาอย่างเต็มเปี่ยม และ ... และ... และก็แค่นั้น  คือไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยจริงๆ

"Imagine" และ George Michael
ต่อมาหลังจากการปรากฎตัวของคุณปู่ Ray Davies แห่ง The Kinks เสียงดีไม่มีแก่ลงเลย และกายกรรมเปียงยางก็อตทาเล้น และอีกหลายต่อหลายทรีบิวต์ให้แก่วงสี่เต่าทองเดอะบีทเทิ้ล ก็มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ของงานที่หลายคนไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ดู นั่นคือ Footage ส่วนตัวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนของ John Lennon ร้องเพลงสันติภาพสุดคลาสสิกอย่าง Imagine ที่ฉายขึ้นจอขนาดยักษ์ เคียงคู่ไปกับวงประสานเสียงเด็กออทิสติก พร้อมกับต่อตัวต่อเป็นหน้าเลนนอนราวกับศาสดาแห่งสันติภาพมาปรากฎให้เห็นเบื้องหน้า เรียกว่าตีโจทย์แตกชนะไปเลย ต่อด้วย George Michael ที่โชว์เก๋าด้วยการแสดงด้วยเวทีเปล่าไม่มีลูกเล่นใดเลย คือออกมาร้องเพลงฮิต Freedom แบบหนึ่งต่อแปดหมื่น คล้ายจะสื่อว่า มีสันติภาพแล้วต้องมีเสรีภาพด้วยนะ

เรือผีของ Annie Lennox
โชว์เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสนามทั้งสนามถูกย้อมให้เป็นสีแดงสด เหล่าผีพรายออกร่ายรำ เสียงสวดระงม ทำเอาเด็กๆทั่วโลกต้องรีบหนีเข้าตู้เสื้อผ้า และซากเรือผีก็พา Annie Lennox (ที่ดังมากช่วงกลางยุค 90s) มาปรากฎต่อหน้าสาธารณะชนอีกครั้งในวัยเกือบหกสิบแล้ว งานนี้เธอเกาะหัวเรือร้องเพลง Little Bird ได้ดีเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิดเพี้ยน เป็นการจับธีมผีได้แบบคาดไม่ถึง เอ๊ะ หรือป้าจะบอกไปนัยว่าป้าหายไปแต่ป้ายังไม่ตายนะจ๊ะ ? และที่แดงแรงฤทธิ์ไม่แพ้กันคือสีเสื้อและสีผมของหนุ่ม Ed Sheeran เจ้าของเพลง Lego House ที่คราวนี้ออกมาคัฟเวอร์ Wish You Were Here ของ Pink Floyd ออกมาเอาใจเด็กบริทร็อคสายอัลเตอร์ระหว่างขั้นช่วงต่อไป


Fat Boy Slim/ Jessie J/ Tinie Tempah/ Taio Cruz
ปาร์ตี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปลาหมึกยักษ์ของ Fat Boy Slim เปลี่ยนรถฮิปปี้ของ Russell Brand ให้กลายเป็นบูธดีเจและระเบิดความมันส์อย่างต่อเนื่องกับเพลงฮิตอย่าง Right Here Right Now และ Funk Soul Brother สมกับเป็นดีเจคู่บุญเมืองลอนดอนมาตั้งนมนาน ต่อด้วย Jessie J ในลุคที่พัฒนาจากม้าอรนภา เป็นอาภาพร นครสวรรค์ไปแล้ว กับเพลง Price Tag บนรถ Rolls Royce สีครีมช่าง Irony ดีเหลือเกิน คือหล่อนร้องเพลงว่า Not about the money บนรถราคาสี่แสนปอนด์... ผนึกกำลังกับอีกสองหนุ่ม Tinie Tempah และ Taio Cruz กับเพลงฮิตของตัวเองพอให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้อุ่นใจ ว่าเออได้เห็นคนรุ่นตัวเองออกทีวีบ้าง

Spice Girls
และแล้วก็ถึงช่วงที่ทุกคนตั้งตารอคอย นั่นคือ การกลับมาของเกิรล์กรุ๊ปที่ทำยอดขายมากที่สุดในโลก และตำนานเพลงป็อปบับเบิ้ลกัมแห่งอังกฤษ นั้นคือ Spice Girls !! ด้วยทีมงานอาจจะกลัวว่าชัดเจนเกินไปจึงมีการสับขาหลอกด้วยส่งรถแท็กซี่สีดำหน้าตาจิ้มลิ้มมาวิ่งวนอยู่สิบกว่าคันไม่ให้เดาออกว่าคันไหนบรรจุทั้งห้านางไว้อยู่ จนกระทั่งอินโทร Wannabe ดังขึ้น เป็นสัญญาณในการเปิดไฟเผยธาตุแท้ของรถแต่ละคนออกมาเป็นสีต่างๆตามสัญลักษณ์ของสมาชิกวง ทั้งห้านางปรากฎตัวในชุดที่ถูกคัดสรรมาให้เข้ากับบุคลิกอย่างดี แต่ที่ชนะขาดคือชุดสีแดงของ Geri Halliwell ที่ยังรักษาคอนเซปเอาธงมาผูกเป็นโบว์ซ่อนไว้ข้างหลังได้อย่างน่ารักน่าตี ในขณะที่ Victoria Beckham ก็ไม่สนใจจะร่วมงานกับใครทั้งสิ้น คืออยากจะยืนคนเดียวร้องคนเดียวจิกหน้าจิกตาอยู่คนเดียวก็เอา Wannabe ต่อเมดเลย์เป็น Spice Up Your Life เพลงที่หลายคนเดากันว่าจะนำมาแสดง ห้าสาวก้าวขึ้นหลังคารถแล่นโร่ไปรอบเวทีอย่างน่าหวาดเสียว ที่น่าชื่นชมคือที่สแตนด้านบนมีการเก็บรายละเอียด Reference ด้วยการทำสีสแตนให้เหมือนสีตัวหนังสือในหน้าปกอัลบั้ม Spice Up Your Life ด้วย เอากับเค้าซิ! 

หลังจาก Spice Girls ขอบอกว่าดูการถ่ายทอดด้วยท่าทีที่ตึงเครียดน้อยลงมาก ประมาณว่าต่อไปจะมีอะไรก็ไม่ว่ากัน ไม่ได้มีการคาดหวังใดๆ เพราะถือว่าได้ในสิ่งที่ขอแล้ว (ขนาดนั้น) จึงขอเรียกช่วงหลังจากนี้ว่า Post-Spice Girls ละกัน (เคยเจออะไรลำเอียงกว่านี้ไหม)

Post-Spice Girls
หลังจากห้าสาวออกจากสนามไป ก็ต่อด้วย Oasis ที่งานนี้มาแค่พี่ Liam Gallegher ออกมาร้องเพลง Wonderwall อีกหนึ่งวงที่หลายคนคิดถึงจึงไม่แปลกที่เกิดการประสานเสียงกันทั้งสนามอย่างที่เห็น ในขณะที่ Muse มาในเพลงธีมโอลิมปิกอย่าง Survival ที่หนุ่ม Matthew Bellamy ทั้งอัดทั้งตะเบงจนเกินงาม เสียทีถูกวงรุ่นพี่กลบรัศมีไปเห็นๆ แต่ที่ "เจ๊ง" กว่าคือการบังอาจให้นังเจ็ดสี Jessie J มาร้องหนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดในโลกอย่าง We Will Rock You ของ Queen แทน Freddy Mercury ผู้ล่วงลับและผลออกมาตามความคาดหมายคือเสียงหวีดแหลม และลูกเล่นแพรวพราวของเธอทำเอาจอดสนิทเสียมนต์ขลังไปอย่างน่าเสียดาย

หลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานโอลิมปิกและเทศมนตรีเมืองริโอ เดล จาเนโร และประเพณีการให้เจ้าภาพในอีกสี่ปีข้างหน้ามาโชว์เรียกน้ำย่อยและแสดงโลโก้โอลิมปิกครั้งต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต่อด้วย Take That ในเพลง Rule the World ไร้เงาของ Robbie Williams หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ และโชว์ดับคบเพลิงของนักบัลเลต์สาว เริงระบำเป็นนกไฟมอดไหม้แล้วเกิดไหม้ทุกๆสี่ปี สุดท้ายและท้ายสุดจริงๆคือ The Who ที่หลายคนคิดว่าทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ ลุงๆ The Who ยังอยู่กับครบองค์และแสดงสดเพลง Baba O'Riley และ My Gerenation ถึงตรงนั้นถ้าใครยังไม่หลับก็ขอแสดงความยินดีเพราะคุณสามารถถ่างตาดูพิธีปิดโอลิมปิกเกมส์ได้อย่างสมบูรณ์เป็นเวลาสามชั่วโมงครึ่งไปเต็มๆ

ถึงตรงนี้ผมบอกได้เลยว่าผมชอบการจัดโอลิมปิกของอังกฤษที่สุด ถ้าเทียบกับทุกอย่างที่เคยดูมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการถ่ายทอดทางอินเตอร์เน็ทที่ลงทุนไปมหาศาลและเตรียมงานกันตั้งแต่ปี 2008 ส่วนเรื่องการแสดงนั้น หลังจากที่งานที่ปักกิ่งจบลงผมยังจำได้ว่าผมถามตัวเองในใจว่าแล้วอังกฤษจะสู้ไหวไหม แต่มีสิ่งหนึ่งที่เฉพาะอังกฤษเท่านั้นคือป็อปคัลเจอร์ที่แทรกซึมเข้าสู่ทุกอณูของวัยรุ่นทั่วโลก นอกจากนั้นยังเป็นมุมมองการออกแบบโชว์แบบน้อยแต่มาก ซึ่งทำได้ยากกว่าอัดให้เวอร์วังอลังการเป็นไหนๆ อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของการแสดงของอังกฤษคือตัวประกอบในงานนี้ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนคนเป็นพันไม่ต่างจากจีน แต่ทุกคนได้รับการสวมบทบาท เป็นมนุษย์จริงๆ ที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นชาวอังกฤษ ในการร่วมเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง มีอารมณ์ร่วมกับคนดูได้ หากเทียบกับจีนที่ลงทุนไปไม่แพ้กันแต่คนหนึ่งคนกลับทำหน้าที่เป็นเพียงหนึ่งพิกเซลในการแปรขบวนเป็นรูปต่างๆในสนาม แค่นี้ก็บอกถึงหลักแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ต่างกันมากพอรึยัง?

1 comment:

  1. สวัสดีครับ คอมเม้นนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับโพสเท่าไหร่นะครับ แต่อยากจะบอกว่า พี่ (หรือน้องหว่า) น่านับถือมาก ฟัง the weeknd กับ frank ocean
    คนไทยฟัง rnb ดีๆ อย่างสองศิลปินนี้ น้อยมาก

    น่าจะรีวิว อัลบัมของ frank ocean ที่ออกมาเมื่อไม่นาน หรือ mixtape อีกสองอันของ weeknd นะครับ

    ReplyDelete

About Me

My photo
my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect