Thursday, October 31, 2013

Out of Nowhere #02 - Bad Girls (Verdine Version)


สำหรับช่วง "มันมาจากไหน" วันนี้ขอเสนอเพลงที่ชื่อโหลสุดๆ ว่า "Bad Girls" ของเจ้าหญิงคนใหม่แห่งวงการอินดี้-อาร์แอนด์บี Solange Knowles แทร็กสุดท้ายจากอีพีที่มีชื่อว่า TRUE ที่รับการกล่าวขวัญจากนักวิจารณ์ให้เป็นอีพีของศิลปินหญิงที่มีคุณภาพที่สุดของปี 2012 ถามแค่ชื่อเพลง Bad Girls ก็คงไม่มีใครหน้าไหนตอบได้ว่ากำลังพูดถึงเพลงของใคร มีทั้งแบดเกิรล์ดีของ Usher และแบดเกิรล์เหี้ยของ David Guetta และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ถ้าเกิดใส่คำว่า Verdine Version เข้าไปละก็ รับรองว่า Youtube ของคุณกระหยิ่มยิ้มย่องทันที เพราะมันจะรู้ว่าคุณกำลังตามมาฟังเพลงสุด Out of Nowhere ที่เราแนะนำให้ฟังเพลงนี้ 


ว่าแต่ Verdine นี่คือใคร หรือตัวอะไรกันแน่?

เขาไม่ใช่ตัวอะไรที่ไหน แต่เขาคือ Verdine White มือกีตาร์แห่งวงตำนานอย่างหินเหล็กไฟ เอ้ย Earth, Wind, Fire ที่ได้รับเชิญมาเล่นเบสให้ในเพลงนี้นั่นเอง แต่ก่อนที่จะพูดถึงเขาคนนั้น เราขอแนะนำให้รู้จักกับโปรดิวเซอร์ และเจ้าของเสียงคีย์บอร์ดที่ลอยละล่องอยู่เบื้องหลังเสียงใสๆ ของโซลานจ์กันก่อน เขาคือ Dev Hynes หรือที่รู้จักกันในนาม Blood Orange และ Lightspeed Champion โปรดิวเซอร์สุดแนวที่รับความดีความชอบไปเต็มๆ เมื่อนักวิจารณ์พากันอวยให้อีพีนี้คือความสำเร็จหนึ่งในอาชีพการงานของเขา และปัจจุบันก็มีโปรดิวซ์งานให้กับรียูเนี่ยนของสามสาว MKS และร่วมทำเพลงให้กับ Sky Ferreira ข้างล่างนี้ด้วย ส่วนตัวเขาเองก็กำลังเดินหน้าตีตลาดอินดี้ด้วยซิงเกิ้ลเก๋สุดพลังชื่อว่า Chamakay

จาก Tumblr ของ Dev Hynes ได้เล่าไว้ถึงเบื้องหลังการอัดเสียงเพลงนี้ไว้ว่า

ต้ัองย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนตุลาคมปี 2010 ในขณะที่โซลานจ์และเดฟได้เก็บตัวหมักหมมกันอยู่ที่บ้านในฮอลลีวู้ด เดฟก็เลือกที่จะให้โซลานจ์เอาเพลงเก่าจากเดโมของ Blood Orange เพลงนี้ขึ้นมาร้อง จนพอเห็นว่าเข้าท่า งานใหญ่งอกก็ทันที เมื่อทั้งสองสามารถติด่อให้ Earth Wind Fire เข้ามาเล่นเบสให้กับเพลงนี้ได้สำเร็จ เดฟเล่าถึงตอนที่เขากับโซลานจ์นั่งหน้าเจื่อนๆ เหงือตกรอการมาถึงของ Verdine ด้วยความตื่นเต้น โซลานจ์ก็บอกว่า"เธอก็เป็นโปรดิวเซอร์นะ ยังไงก็ต้องกล้าสั่งให้เขาทำอะไรต่ออะไรได้" เมื่อ Verdine มาถึงและแล้วการอัดเพลงนี้ก็เริ่มขึ้น

เพลงเปิดด้วยจังหวะลอยๆ เหมือนตอน End Credit ของหนังนี่แหละ แบบเดียวกับที่มีในเวอร์ชั่นเดโมที่ตอนแรกมีความยาวตั้ง 12 นาที เสียงของโซลานจ์ต่างหากที่มีอิทธิพลทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงใหม่ที่มีเอกลักษณ์ได้ โดยเฉพาะนาทีสุดท้ายของเพลงที่โซลานจ์แสดงความสามารถในการด้นสดได้อย่างลื่นไหล และไพเราะ ส่วนเรื่องเบสนะเหรอ บอกได้เลยว่า เมื่อ Verdine เข้ามา เขาก็แค่หยิบเบสมาเล่นอิมโพรไวส์ได้ทันที จนทั้งสองนางปลาบปลื้มและให้สามผ่านในเทคเดียว เพราะฉะนั้น เสียงเบสที่ได้ยินในเพลงนี้ ก็คือเสียงเบสจากเหตุการณ์ที่เล่าถึงเนี่ยแหละ

ผลสรุปก็เลยออกมาเป็น Bad Girls Verdine Version ที่เป็นเพลงเหงาๆ ใช้เปิดคลอกับการมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินในเย็นพระอาทิตย์ตก หรือนั่งฟังไปคนเดียวเพลินๆ จนลืมวันลืมเวลาได้เลย



You're Not The One - Sky Ferreira

กำลังเสพย์ติดอัลบั้ม Night Time, My Time อัลบั้มแรกที่ผ่านการหมักดองมาเกือบสองปีของ Sky Ferreira อย่างอมแงม ได้ฟังกันหรือยัง ไว้มีเวลาจะมาจัดรีวีวให้หนึ่งชุดเต็ม สำหรับวันนี้ขอเชิญรับชมเพลง You're Not The One สุดกรันจ์ของ Sky FIERCEreira ไปก่อนละกัน

Tuesday, October 29, 2013



Justin Timberlake - TKO

เอ็มวีมาแล้วสำหรับซิงเกิ้ลที่สองของอัลบั้มภาคต่อ 20/20 Experience แม้กระแสจะแผ่วมากแต่ก็ต้องบอกว่างานนี้รักหยอยต้องดูหนังหยอย เพราะเฮียแกจัดให้ 7 นาทีเต็ม กับเอ็มวีชะนีหัวรุนแรง (Femme Fatale) ไม่แพ้โพสต์ข้างล่าง เป็นเจ็ดนาทีสุดระทึกที่ใจจดใจจ่อดูด้วยความสนใจว่าหลังจากสาวนางนั้น TKO ด้วยกระทะตราหัวม้าลายแล้ว จะลากหยอยไปไหน โถ่ค่อยๆพูด ค่อยๆจาไม่ต้องลงไม้ลงมือกันก็ได้ 

TKO ลดสไตล์วินเทจออกไปเยอะ เปลี่ยนมาเป็นจังหวะกึ่งฮิปฮอปเหมือนใน Furesex/Lovesound ที่ได้รับอิทธิพลจากคู่หูโปรดิวเซอร์อย่าง Timberland มาอย่างเข้มข้น สำหรับยุคนี้ใครยังอยากฟังผลงานจากเขาก็ต้องรอติดตามจากหยอยนี่แหละ

ส่วนใครติดใจในความสวยของนางเอก ก็จะขอแจ้งว่าเธอคือ Riley Keough ลูกสาวของ Lisa Marie Presley หลานสาวแท้ๆ ของราชาร็อคแอนด์โรล Elvis Presley นั่นเอง จุดนี้ต้องยอมรับในความสวยของนางจริงๆ เผื่อใครยังไม่จุใจจึงจัด Itialian Vogue ให้ดูเพิ่มเติมตามลิงค์นี้

<click here for more Riley Keough>



Kove - Love For You

ยังไม่หมดสำหรับ UK Garage จัดให้อีกหนึ่งดอกจาก Kove ชื่อเพลง มีรักให้เทอว์ แอบไปดูเอ็มวีชีวิตชะนีฟันเหยินแต่จริงใจ โปะยาสลบผู้ชาย นึกว่าจะเอามาต้มกิน เปล่าหรอกนะ นางจิตใจดี แต่ก็อย่างว่าแหละ หน้าปลวกอย่างเรา ดีเท่าไหร่แล้วที่ผู้ชายมันไม่เตะคางให้ ก็ต้องใช้กำลังกันบ้างถึงจะเห็นความดี เข้าใจนะ 

Katy B - I Like You

มีใครเคยบอกไหมว่า Katy B นั้นเปรียบเหมือนเตาถ่าน ไม่ได้กระแสหลักแบบเตาแก๊ซ แม้ไฟจะติดช้า แต่ขอบอกว่าร้อนนาน แรงไม่เคยตก แถมดับง่ายซะที่ไหน เก็บมาให้ฟังอีกหนึ่งเพลงที่เขากันบอกตรงๆ เลยว่า I Like You A Little Bit ก็แบบชอบเธอนิดนึงอ่ะ


Disclosure - Apollo

แอบไปเจองานใหม่จากสองศรีพี่น้อง Disclosure เข้าให้ จนรีบเก็บมาให้ฟังกันแทบไม่ทัน ไม่ได้ฟังง่ายเหมือนในอัลบั้ม แต่ถ้าใครอยากจัด UK Garage หนักซักดอก ขออย่าได้พลาดแทร็คนี้

Sunday, October 27, 2013


Lady Gaga - Venus

ช่วงนี้ยานแม่หมกมุ่นกับดาวนี้เป็นพิเศษ ดีใจที่ได้เห็นยานแม่ได้ไปที่ชอบๆ ซักที ปล่อยมาแทบจะหมดอัลบั้มอยู่แล้ว Lady Gaga สำหรับเพลงนี้ก็ป็อปพอใช้ ไม่ได้อ่อนปวกเปียก นึกถึงการเปิดเพลงนี้เรียกพลังในวันชีวิตพังได้ดี ... Take me to your PENUS PENUS PENUS

Tuesday, October 22, 2013


Cut Copy - We Are Explorers

หลังจากไตเติ้ลแทร็กเอา Alex Skarsgard มาเดินโชว์ท่อนบนให้ใจหายใจคว่ำ แถมหนุ่ม Alex แห่ง True Blood ยังอวย Cut Copy อย่างนอกหน้านอกตาจนชะนีหยุดจิ้นไม่ได้ แต่แค่นั้นหรือจะสู้เพลงใหม่ที่ออกแนวซินธ์ป็อปหวานแหววซะขนาดนี้ ใครแซวอัลบั้มใหม่เจาะตลาดเก้งจะโดนตี!

Lady Gaga - Do What You Want

ใกล้ได้ฟัง ARTPOP กันเข้าไปทุกวัน โปรโมทก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน เพลงใหม่ก้าที่นางบอกกระแสดีจนเปลี่ยนใจเรียกมันว่าซิงเกิ้ลสองเลยดีกว่า อีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่านังบ้านี้ร้องเพลงได้ทุกแนวจริงๆ แต่สำหรับอาร์แอนด์บีป็อปแบบนี้ บอกเลยว่า R Kelly เอาไปกินเต็มๆ

Sunday, October 20, 2013


M.I.A - Y.A.L.A

คนอื่นเขาโยโล่กัน นี่มา ยาล่า มึนกันไปตามๆ กันว่าแปลว่าอะไร แต่ถ้าใครฟังอัลบั้มก่อนๆ คงเข้าใจความหลุดรั่วของ M.I.A ได้อย่างดี ไม่ว่าจะทั้งซาวน์แบบ Glitch ราวกับเครื่องปั้มแผ่นเกิดเสียชีวิตระหว่างปฎิบัติหน้าที่ ฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง หรืออาร์ตเวิร์คสไตล์อย่างที่เห็นนี้ ถ้าชอบก็รักเลยใครไม่ชอบก็อย่าขว้างปาสิ่งของใส่นางนะ ช่วงนี้ได้ยินข่าวเรื่องอัลบั้ม Matangi หลุดมาบ้างให้พอชื้นใจ เพราะรายนี้ส่งมาซิงเกิ้ลโดดมาจะได้้สองปีแล้ว เรียกว่าติดตามผลงานกันแบบกระปิบกระปรอยให้คนคอยลุุ้นไป ตั้งแต่ Bad Girls ที่โด่งดังจนได้เอ็มวีแห่งปีของแแกรมมี่ไป Bring The Noize และ Come Walk With Me ปีนี้ ที่ฟังแล้วก็เข้าใจว่านางคงเบื่อความซ้ำซากของวงการดนตรีนี้เหลือทน

ส่วนเรื่องแฟชั่นก็โดดเด่นกว่าใครๆ แม้ว่าบรรดาแร็ปเปอร์หญิงทั้งหลายจะบรรจงแต่งองค์ทรงเครื่องมาเรียกคะแนนกันเต็มที่ แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าสำหรับ M.I.A มันมีของบางอย่างที่เป็นตัวของตัวเองมากๆ ซ่อนอยู่ ด้วยลุ๊คแบบลายกราฟิกฉูดฉาดแบบนี้ จึงไปเตะตาแบรนด์ญี่ปุ่นสุดล้ำอย่าง Kenzo จนได้ทำ mixtape มาประกอบรันเวย์ประจำ Fall/Winter 2013/2014 ไปเมื่อต้นกลางปีนี้


ล่าสุดก็ได้เป็นกระบอกเสียงคนสำคัญให้กับเวอร์ซาเช่อีกคนแล้ว

คิดแล้วก็ช่างสมน้ำสมเนื้อกันดี เพราะต้นยุค 90s ซ้อ Donatella ก็หน้าดำคร่ำเครียดอยู่ในสตูดิโอขุดคุ้ยหาไอเดียใหม่ๆ มาดันแบรนด์เวอร์ซาเช่ที่กำลังจะเจ๊งของพี่ชาย ออกมาได้เป็นลายกราฟฟิกซิกเนเจอร์ของเวอร์ซาเช่ยุค 90s กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องนึกถึงเมื่อพูดถึงวงการแฟชั่นในทศวรรษนั้น

ในขณะเดียวกัน ณ ตลาดพาหุรัดแห่งอีสลอนดอน เด็กหญิงมายา อรุณพระเกษม (Maya Arulpragasm) ก็เดินเตร็ดเตร่กับโซนี่วอล์คแมนที่เปิดเสียงสุดด้วยอัลบั้มแร็พกรอกหูอยู่ เดินขยับปากร้องตามพลางเลือกดูเสื้อผ้า Versace ปลอมตามแผงที่เกลื่อนอยุ่ นางคงหยิบขึ้นมาดูด้วยสนใจ แล้ววางลงเมื่อถูกสิ่งอื่นล่อตาล่อใจไปอีก

20 ปีต่อมา ใครจะไปรู้ว่านางสาวมายา อรุณพระเกษมนี้กลายมาเป็นศิลปินที่ใช้ bootlegging หรือการปลอมแปลงสินค้ามาเป็นแรงบันดาลใจใหญ่ในการผลิตผลงาน แถมยังเป็นผลงานอัลบั้มที่ส่งผลกระทบต่อการเมืองและความคิดอีกด้วย จนเชื่อหรือไม่ว่า ไม่นานมานี้ เวอร์ซาเช่ หันมาสนใจทำคอลเลคชั่นใหม่ที่ชื่อว่า Versus ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนุ่มสาว ที่ใส่เสื้อผ้าเวอร์ซาเช่และลายกราฟฟิกปลอมเหล่านั้นตามท้องถนน โดยไม่ลืมที่จะให้ M.I.A มาเป็นต้นแรงคนสำคัญ นี่แหละหนา โลกศิลปะ และความคิดสร้างสรรค์ที่เดินหน้าต่อไป เพราะคนเราก็ข้ามพรมแดนกันไปมาแบบนี้ มันถึงได้ไม่มีวันสิ้นสุดยังไงล่ะ 


Thursday, October 17, 2013

Out of Nowhere #1: Missy Elliott - Meltdown



Missy Elliott
Meltdown
The Cook Book (2005)

รีวิวอัลบั้มก็ทำไปแล้ว อะไรก็ทำไปแล้ว ก็ยังไม่จุใจ จนต้องเปิดช่วงใหม่สนองความต้องการตัวเองอีกซักหนึ่ง เพราะฉะนั้นขอเสียงปรบมือต้อนรับอย่างกึกก้องให้กับช่วงใหม่ของเราที่มีชื่อว่า Out of Nowhere!!!

จะว่าไปมันก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย มันคือช่วงใหม่ที่เราจะพูดถึงเพลงที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ อาจเป็นเพลงที่ไม่เคยตัดเป็นซิงเกิ้ล หรือเคยแต่เมื่อชาติที่แล้ว หรือเพลงที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญหรือทันสมัยต่อโลกปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะเอาเข้าจริงๆ พวกเราทุกคนก็ไม่ได้ฟังเพลงที่ใหม่ที่สุดอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วใช่ไหม ใครๆก็ต่างมีเพลงดีของตัวเองที่อยากบอกต่อด้วยกันทั้งนั้น 

สำหรับ Out of Nowhere เพลงแรกที่เลือกมาบอกต่อให้ฟังนั้นต้องย้อนกลับในยุคที่เจ้าของบล็อกยังสามารถเรียกตัวเองว่า "วัยรุ่น" ได้อย่างไม่อายปาก ซึ่งนั่นก็คือเมื่อประมาณ แปดปีที่แล้ว (เศร้า) ก็ได้แต่หวังว่าคนที่อ่านในนี้คงไม่ได้อายุต่างกันมาก อย่าได้ถึงขั้นปี 2005 ยังร้องกระจองอแงกันอยู่เลย

เพลงนี้มีชื่อว่า Meltdown ซึ่งสิงร่างอยู่ในแทร็กที่ 6 จากอัลบั้ม The Cookbook อัลบั้มล่าสุดและเหมือนจะสุดท้ายของอดีตราชินีเพลงฮิปฮอปแห่งยุค 90s - 00s อย่างป้าอึ่ง Missy Elliott ว่าด้วย The Cookbook แม้จะไม่ใช่ผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จมากเท่าไรนักแต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะได้ยินผ่านหูเพลงอย่าง Lose Control หรือ We Run This มาบ้าง แต่สำหรับเรานี่ถือเป็นอัลบั้มที่ดีสุดของป้าอึ่งเลยล่ะ เพราะมันเป็นฮิปฮอปที่นำการเรียบเรียงแบบ Old School มาบูชาครูอย่างดูมีศักดิ์ศรีไม่อายใคร ถ้าคนที่ติดตามผลงานของป้าอึ่งอาจรู้ว่าอันที่จริงแล้ว แม้ป้าแกจะชอบไปโผล่ Featuring ตามเพลงต่างๆ ของคนอื่นด้วยท่อนแร็ป แต่ในอัลบั้มของตัวเองแล้วนางร้องเองเป็นสไตล์อาร์แอนด์บีหรอกนะ ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ลองหามาฟังกันดู ขอบอกว่าอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์มากมาย


อย่าง Meltdown ที่หยิบมาให้ฟังกันนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Hip-Hop และ R&B ที่แบ่งกันชัดเจนระหว่างท่อน Verse และท่อน Hook คนที่โปรดิวซ์เพลงนี้คือ Scott Storch โปรดิวเซอร์สายอาร์แอนด์บีที่เคยฝากผลงานไว้มากมายรวมไปถึง Cry Me A River ของหยอยด้วย ก็ฝีมือพ่อคนนี้แหละ เพราะฉะนั้นก็รับประกันความ Smooth อย่าบอกใครอย่างที่เราได้ยินในเพลงนี้ที่เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเปิดฟังอีกเมื่อไหร่ ก็ยังได้ความรู้สึกเดิมอยู่เสมอ 

อีกจุดหนึ่งที่ปลาบปลื้มคือท่อนแร็พที่จะว่าเซ็กซี่ก็ไม่ใช่จะว่าเอาฮาก็ไม่เชิง เพราะป้าอึ่งแก่ใส่อารมณ์ขันเข้าไปกับการเล่าเรื่องการมีเซ็กซ์ได้อย่างแนบเนียน จนสมัยที่ฝึกร้องเพลงนี้แทบไม่ทันฉุดคิดเลยว่าเนื้อเพลงมัน Dirrrrty แค่ไหน 


ส่วนถ้าจะให้พูดถึง Scott Storch ก็ขอเลือกที่จะแนะนำแทร็กโปรดที่เขาได้ไปทำรีมิกซ์ให้กับสามดรุณี Destiny Child ในเพลง Cater 2 U ที่ว่าต้นฉบับก็ว่าเพราะแล้ว มาฟังเวอร์ชั่นนี้หวานไม่แพ้กัน แค่เปลี่ยนน้ำตาลคนละยี่ห้อ นาย Storch ก็ทำเพลงให้กับอัลบั้ม Destiny Fulfilled ไว้อีกตั้งหลายเพลงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รวมมาในอัลบั้มนั้นเลยซักเพลง


แต่ถ้าถามส่วนตัวว่าฟัง Meltdown แล้วนึกถึงเพลงไหน ก็คงตอบแบบไม่ต้องคิดว่า ต้องเป็น Rock The Boat ของ Aaliyah เท่านั้น คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่ามันคล้ายกันแค่ไหน :)

Wednesday, October 16, 2013



Lissie - Further Away

เห็นลุ๊คเหมือนเพื่อนบ้านท้ายซอย หัวฟู หน้ามันแบบนี้ แต่ขอโทษนะจ๊ะ เพลงเธอติดหูเป็นบ้า อัลบั้ม Back To Forever ของเธอเป็น Folk Rock เท่ห์ๆ ฟังแล้วนึกถึง Ladyhawk ผสม Stevie Nicks เล็กๆ ฟังเพลินไหลลื่นทุกเพลงไม่มีข้ามเลย 

Under Control - Calvin Harris x Alesso x Hurts

แยกไม่ยากว่าท่อนไหนของใคร เพราะมันจะมีบางส่วนที่ฟังดูเหมือน Sweet Nothing และบางส่วนที่เหมือน Years ซ่อนอยู่ มารอดูกันว่าการรวมตัวครั้งนี้จะสร้างปรากฎการณ์เพลงดิ้นผับแตกประจำปลายปีเหมือน Don't You Worry Child อีกหรือไม่

Monday, October 14, 2013

Fruity Review #13: Miley Cyrus - Bangerz


Miley Cyrus
"Bangerz"
4/10

รู้สึกยังไงกับการตื่นขึ้นมาอ่านข่าวทุกเช้า เพื่อดูว่าวันนี้ใครด่าไมลี่ ไซรัสว่าอย่างไรบ้าง? สำหรับเรามันคือ "ความสะใจ" ไม่ใช่สะใจที่มีใครมาด่านังเหมยหรอกนะ แต่สะใจที่เห็นคนออกมาดิ้นเร่าออกมาสั่งสอนว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ราวกับว่าวงการดนตรีที่ศิลปิน "ผู้ทรงคุณวุฒิ" เหล่านั้นบรรจงสร้างกันขึ้นมาจะพังถล่มลงในวันสองวัน เพียงเพราะเด็ก 20 ขวบนางหนึ่งออกมาใส่ชุดหมีเสมอหูสีชมพู กับผมเกล้าแกละ แลบลิ้น ส่ายตูดไม่ลืมหูลืมตาในวันนั้น

ทุกวันนี้ก็ยังพยายามนึกหน้า Sinead O'Connor ไม่ออกว่า เมื่อเห็นเพลงที่ดังที่สุดของตัวเองถูกจับไป mash up กับ Wrecking Ball ของนังเหมยแล้วจะทำหน้าออกมาเป็นทรงไหน (Nothing Compares to Your Wrekcing Ball)

เพิ่งรุ้เมื่อไม่นานมานี้ว่าเหมยลี่ ไซรัส ทำเพลงมาแล้วถึง 3 อัลบั้ม เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีนางอยู่ในสารบบเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องเศร้าแต่จริงว่า เมื่อป็อปสตาร์คนหนึ่งเปลื้องผ้า มันมักจะตามมาด้วยอันดับหนึ่ง Billboard Chart เสมอ เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเอ็มวี We Can't Stop ที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึ่งให้กับบรรดาแม่ๆ ทั้งหลายอยู่ไม่น้อย แต่ก็น่าเสียดายที่น้อยครั้งที่ shock value และความสามารถจะมาพร้อมกัน นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังรีวิวอัลบั้มนี้ เพื่อที่จะดูว่าเธอพิสูจน์ตัวเองได้จริงหรือไม่

Bangerz คืออัลบั้มที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่แค่ทางด้านรูปลักษณ์ แต่รวมไปถึงแนวดนตรีและโปรดิวเซอร์ด้วย เป็นภาพที่นึกแล้วไม่สบายใจเท่าไหร่เมื่อสาวน้อยฮานา มอนทาน่า ไปแฮงค์เอ้าท์กับโปรดิวเซอร์ตัวแรงอย่าง Mike Will, Dr. Luke หรือ Pharrell Williams ในอายุเท่านี้ ไหนจะ Nelly อีก แต่ในที่สุดก็ออกมาเป็นอัลบั้ม Bangerz (ของจริงต้องมี z) งานดนตรีที่หลุดขั้วไปจากยุคดิสนีย์ออกมาสมใจอยาก

ใครที่จ้องจะหาเพลงใหม่ๆ มาปาร์ตี้อาจต้องหงาย เพราะแค่จิ้มแทร็คแรกก็ดันไปเจอแทร็คเปิดอย่าง Adore You ที่ไม่รู้หนูเหมยคิดยังไงถึงได้ออกตัวเพลงช้าเนือยแบบนี้มาเปิดอัลบั้มด้วยเหตุผลอะไรกัน เพลงอืดเป็นเรือเกลือแบบนี้ถ้าไปอยู่มุมอื่นของอัลบั้มก็กลัวคนจะกดข้ามกระมัง // We Can't Stop ไม่ใช่เพลงป็อปทรงคุณค่ามาจากไหน แต่เมื่อมารวมอยู่กับเพื่อนๆแล้ว ก็ถูกที่ถูกทาง เหมาะกับการตัดเป็นซิงเกิ้ลนำอย่างยิ่ง เพราะมีคุณสมบัติความป็อปครบถ้วน ทั้งท่อนฮุค ท่อนส่ง ที่ฟังง่าย ท่อนสะกดจิตที่ติดหูกว่าใครในโลกหล้า // อีกหนึ่งเพลงชวนฉงนคือ 4x4 ที่พยายามนั่งฟังอยู่หลายครั้ง ก็ยังไม่ได้สาระอะไรนอกจากการนั่งรถเล่นไปมา แต่ด้วย banjo และจังหวะสุดโจ๊ะ ก็ขอเดาว่า 4x4 นี่คงหมายถึงขนาดตัวถังรถ Jeep ที่แล่นเข้าสู่ป่าดงพงไพรแน่ๆ ทุกวันนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะชั้นจะเก็บเพลงนี้ไปฟังในช่วงเวลาไหนของชีวิต

SMS (Bangerz) ไม่รู้ว่าควรจะเรียกชื่อไหนกันแน่ แต่มันคือเพลงที่มีคนรอฟังมากที่สุดเพราะเป็นการปรากฏตัวของ Britney, Bitch เพื่อนร่วมค่ายที่แสดงความรักใคร่กลมเกลียวกันอย่างออกหน้าออกตา สองคนรวมกันออกมาเป็นเพลงที่มึนหัวสุดชีวิต อยากบอกคนแต่งเนื้อเพลงทั้งหลายว่าถ้าคิดอะไรไม่ออกก็อย่าเพิ่งรีบจับลวกคำอะไรต่อมิอะไรมามากมาย แต่งเพลงไม่ใช่เล่น crossword ส่วนตัวหอกเองก็ดูเหมือนไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

Wrecking Ball เป็นบัลลาดโครงสร้างๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรเด่นไปกว่าเนื้อเพลงที่ออกแบบมาให้เข้าใจง่าย ติดหู บวกกับดราม่าเรื่องเลิกกับ Liam ไปหน่อยก็รุ่งเรืองอย่างที่เห็น // FU เทคนิกการร้องเหมือนหลุดมาจาก musical อะไรซักอย่างมาทั้งดุ้น ใครชอบอะไรหนักๆ ยัดเยียดความอกหักมาให้ ก็เชิญละกัน // My Darling กับเพลงช้าเบาและเสียง autotune ของ Future (มันมาอีกแล้ว) ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ถ้าไม่นับว่า Rihanna เคยทำไปแล้ว Ciara ก็เคยทำไปแล้ว

Love Money Party ดูเหมือนจะเป็นเพลงที่ฟังสนุกที่สุดใน Bangerz เนื้อเพลง งงๆ จนต้องวนกลับมาฟังอีกครั้ง กับสไตล์แบบลูกครึ่ง Hip-Hop/Pop เก๋ไก๋ด้วยความตั้งใจทำให้มันดูเหมือนไม่ตั้งใจทำ  // #GETITRIGHT คืออีกหนึ่งเพลงกึ่งสำเร็จรูปของ Pharrell Williams ที่สร้างความสำเร็จมาแล้วเช่น Blurred Lines และอื่นๆ อีกมากมาย

งานนี้จะโทษหนูเหมยคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะสิ่งเดียวที่นางทำคือการปรากฎตัวท่ามกลางกระแสเท่านั้น อีกทั้งตัวนางเองก็ไม่ใช่จะร้องเพลงย่ำแย่อะไร ที่ต้องสมควรลากตัวมาสำเร็จโทษในเร็ววันคือบรรดาโปรดิวเซอร์ทั้งหลาย ที่เข้าใจไปเองว่าการมีไมลี่ ไซรัสอย่างเดียวก็จะทำให้อัลบั้มขายได้แล้ว โดยลืมไปว่าแม้มันจะเป็นไมลี่ แต่นี่ไม่ใช่ตลาดป็อปดิสนีย์แล้ว ไม่มีแฟนพันธุ์แท้มาจากไหน มีคนฟังธรรมดาที่อยากได้คุณภาพและความพิถีพิถันจากเพลงป็อปบ้างเป็นบางครั้ง Bangerz ยังขาดความหนักแน่นและแตกต่างอีกมาก เพื่อที่จะเด่นกว่าดราม่าพอที่จะสมดุลย์กับ controversy ที่นางนักร้องได้ก่อไว้

มิเช่นนั้นอาจทำได้แค่แก้ผ้าเกาะลูกตุ้มไปวันๆ



Keane - Higher Than The Sun

ในที่สุดก็ออกอัลบั้มรวมฮิตกับเขาซักที เหมาะมากสำหรับมือใหม่หัดติ่ง Keane และแฟนเดนตายทั้งหลายไว้สะสม มีเพลงใหม่มาให้สองเพลงคือ Won't Be Broken และ Higher Than The Sun เพลงนี้ ตัวเพลงก็งั้นๆ แต่เอ็มวีต้องสังเกตดีๆ เพราะเขาเอา gimmick จากหน้าปกอัลบั้มต่างๆ มาซ่อนไว้ด้วยแหละ




Sunday, October 13, 2013


Fenech-Soler - Rituals

รู้สึกผิดบาปมากที่เพิ่งทราบว่าวงนี้ออกอัลบั้มใหม่ จนซิงเกิ้ลอย่าง Magnetic และ Last Forever มีริมิกซ์ออกมาจะครบทุกสำนักแล้ว ใครชอบวงแนว elelctropop แบบ Delphic หรือ Bag Raiders เรียนเชิญนะคะ วันนี้คัดเพลงที่ชอบที่สุดจากอัลบั้มใหม่มาให้ฟัง ชื่อเพลง "ไม่อยู่"

Saturday, October 12, 2013

Fruity Review #12: Diplo - Revolution (EP)


Diplo
Revolution (EP)
7/10

ถ้าเปรียบ Diplo เป็นพ่อครัว นางคือพ่อครัวที่มีเพียบพร้อมดั่งครัวกอดองเบลอ มีวัตถุดิบให้เลือกตั้งแต่ดีงูยันอุ้งตีนหมีราวกับห้องเครื่องจักรพรรดิ์จีน จะหยิบจะคว้าหาอะไรก็ได้มาดั่งใจ และละเมียดละไมไม่แพ้ครัวของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่เมนูที่ทำกลับเป็นอาหารประเภท ลาบ น้ำตก ซกเล็ก และอาหารป่าจำนวนมาก รวมไปถึงปลาร้า ที่นางต้องเน้นย้ำหนักหนาว่าต้องหนักเครื่องเป็นพิเศษ

ภาพคลื่นมหาชนในท่าหกสูงพร้อม Twerk ก่อตัวกันเป็นรูปกำปั้นขนาดใหญ่คล้ายกับที่่เคยเห็นในโปสเตอร์การปฎิวัติคิวบา พร้อมตัวหนังสือใหญ่ๆ ว่า "ปฎิวัติ" ช่างดูลักลั่นกันระหว่างความจริงจัง ทรงพลังและความต่ำตมของศิลปิน แทบนึกไม่ว่าออกว่าอยากจะปฏิวัติอะไรกันแน่ จนต้องพินิจพิเคราะห์ดูอย่างตั้งใจ

กำปั้นนั้นคงหนีไม่พ้น อิทธิพลดนตรีจากแถบคาริบเบียนที่ดีเจหน้าหล่อชาวอเมริกันคนนี้โปรดปรานเป็นหนักหนา ไม่ว่าจะเบื้องหลังชื่อ Major Lazer ก็ดี หรือในชื่อ Diplo เองก็ดี ไม่ก็มักจะจับต้นชนปลายมาได้จากดนตรีสายแดนซ์ฮอลล์ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแถวๆ ทะเลคาริบเบียนทั้งสิ้น เพียงแต่ 6 เพลงในอีพีนี้คือ แดนซ์ฮอลล์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจนไกลสุดกู่ อย่างเช่นใน Biggie Bounce ที่ถ้าไม่ได้เพอร์คัชชั่นมานำก็แทบจำทางกลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งแทร็คที่ Twerk กันอุตลุดจนไขข้ออักเสบกันไปตามๆ กัน เหมือนพี่แกจะกลัวเต้นไม่พอเลยแถม Biggie Bounce เวอร์ชั่น TWRK รีมิกซ์ให้ด้วย ดูเผินๆ เหมือนเกมส์เต้นที่มีให้เลือกจังหวะ ยาก-ง่าย ไว้ในตัว  

ก่อนจะมีไมลีย์และใครต่อใครก็มีพี่ดิพโลคนนี้นี่แหละที่ยืนกรานจะเผยแพร่ท่าเต้นสุดพิสดารสู่สายตาประชาชี ไม่ต้องแปลกใจว่าเมื่อถึงคราวกระแสมา หน้าปกอัลบั้มถึงได้มีชะนีหกสูงจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ แต่จะปฎิวัติอะไรได้ไหมอันนั้นต้องว่ากันอีกที เมนูพิสดารจานต่อไปคือ Rock Steady ที่ห่างไกลจากอัลบั้มของ No Doubt ที่เป็นวูบแรกในหัวลิบลับ เปิดตัวสองสามวินาทีแรกด้วย Symphony No.05 ก่อนจะใส่ Oldschool Hip-Hop เททะลักออกมาจนดำปิ๊ดปี๋ พร้อมด้วยกองทัพแร็พเปอร์อีกประมาณห้าพันล้านคนเรียงคิวกันมาแร็พอย่างไร้ระเบียบ

มาถึง Crown กับเสียงร้องหวานๆ ของ Mike Posner ร้องร่ำว่า I can't wait to be crown ฟังดูคล้ายคำรำพันของเจ้าชายตัวน้อยที่รอวันจะได้ไปราชันย์กับเขาซักที Crown เป็นเพลงที่ดูมีสติที่สุดในอัลบั้ม แม้ว่าพ่อโปรดิวเซอร์ก็ยันขยันใส่ซาวน์อะไรต่ออะไรเข้ามารบกวนตลอดเพลงก็เถอะ  // ส่วนที่เดาทางไม่ถูกที่สุดคือ Revolution ที่เดาไม่ออกจริงๆ ว่าจะมาแนวไหนกันแน่ เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า ไม่มีความเสมอต้นเสมอปลาย ฟังดูคล้ายเพลงแนว Trap ที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ หากตั้งใจฟังเกินไปอาจทำให้คุณนั่งฉงนจนจบเพลงไม่รู้ตัว

หกเพลงในอัลบั้มก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นงานที่พิถีพิถันซักเท่าไหร่ ตามสไตล์ Diplo ที่มักจะปล่อยอะไรออกมาตามอำเภอใจ คิดอะไรได้ก็ทำไปเรื่อยๆ ทำให้งานของเขามักจะมีความ spontaneous อยู่สูง งานของ Diplo มักจะหาใครมาเปรียบเทียบด้วยยาก แต่ถ้าเปรียบเทียบกับงานของตัวเอง ก็ไม่ถือว่าดีที่สุดหรืออะไรขนาดนั้น ถามว่างานนี้ Diplo จะปฎิวัติอะไร ก็คงเป็นการงัดเอาไม้ตายใหม่ๆ ที่ไปเสาะแสวงหามาจากดงศิลปินแนว Trap, Hip-Hop และ Dancehall ทั้งหลายมาจัดใหม่ให้เข้ากับสไตล์ส่วนตัวของตัวเองแล้วนำเสนอต่อสาธารณะชนในฐานะดีเจที่ดังที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่ถามว่าจะถึงขั้นพลิกประวัติศาสตร์ไหม ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าหากเปลี่ยนเป็นปฎิวัติซาวน์ใหม่ๆ ให้กับตัวเองละก็ แน่นอน

ใครที่ชอบกินราดหน้าใส่ปลาร้า ผัดไทใส่มายองเนส พิซซ่าจิ้มน้ำพริก ก็เกี่ยวอัลบั้มนี้มาฟังได้ไม่เสียหลาย แต่ถ้าใครชอบแนวแดนซ์ให้ตายไปข้างก็แนะนำให้หาอีพีชุดเก่าที่ชื่อว่า Express Yourself เมื่อปีที่แล้วมาฟังดีกว่า





Katy Perry - Walking On Air

ไม่ค่อยใหม่เท่าไหร่ เก็บตกเผื่อใครยังไม่ได้ฟัง กับเพลงใหม่จาก Prism ที่ตัดมาให้ฟังคู่กับ Dark Horse ฟังไปเห็นหน้าคุณน้า CeCe Peniston กับอีเพลง 100% Pure Love ลอยมาเต็มๆ แขบอกไม่ไหวปีนี้แนวนี้มาแรงมากต้องเกาะซักหน่อย 

Friday, October 11, 2013



Janelle Monae - Prime Time feat. Miguel

พาไปดูเรื่องราวความรักในโลกอนาคตกับไอ้หนุ่มแจ็คเก็ตหนังกับสาวเสิร์ฟดวงตก โดนไล่ออกจากงาน จนไอ้หนุ่มต้องถลาเข้าไปช่วย พาไปเที่ยวในคลับเด็กแนวโลกไซไฟ ก่อนจะหิ้วกลับรังไปนั่งคุยกระหนุงกระหนิงกันจนจบเพลง แม้คอนเซปจะแอบไปซ้ำกับเอ็มวีของคริส บราวน์ แต่ขอให้รางวัลชนะเลิศกับการสรรหาพร็อพที่พิถีพิถันอย่าบอกใคร

ส่วนอัลบั้มเต็มโดยรวมแม้จะฟังดูจริงจังเกินไปหน่อย แต่ Prime Time ก็เข้าวินมาสวยๆ ด้วยแนว slow-jam ออกโอสกูลนิดๆ ก่อนจะฆ่าให้ตายด้วยโซโล่กีตาร์ท้ายเพลง เอ็มวีก็โอเค ถือว่าหยวนๆ ไปแล้วกัน

Monsieur Adi - What's Going On feat. A*M*E

แต่ก่อนเห็นแต่รีมิกซ์เพลงให้คนอื่นจนเด่นดัง มาคราวนี้ออกซิงเกิ้ลเองให้เขาเอาไปรีมิกซ์บ้าง อีกหนึ่งดีเจจากฝรั่งเศส Monsieur Adi กับเพลงเต้นแสนเก๋กับท่อนฮุคคุ้นหู แอบสืบมา อ๋อ มันคือเพลงนี้นี่เอง ส่วนใครอยากดูเอ็มวี ของเค้าก็มีให้ด้วยนะจ๊ะ click here 

Sam Sparro - Quantum Physical Vol.1 (EP)

Fascism เป็นหนึ่งเพลงจากอีพีใหม่ของคุณป้า Sam Sparro ที่เพิ่งออกมาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ขนาด vol. แรกยังเต้นซ่องแตกแหกโค้งขนาดนี้... ใครชอบซาวน์สไตล์ Rave เต้นๆ ตุ๊ดๆ แบบนี้ ไปเกี่ยวมาฟังกันได้ที่ itunes เลยนะจ๊ะ


AlunaGeorge - Best Be Believing

ดูเหมือนปีนี้คู่หู AlunaGeorge ยังไม่พอใจกับความแรงของอัลบั้มเท่าที่ผ่านมา จึงตัดซิงเกิ้ลใหม่ที่ดอกไม่แพ้กันกับของเก่า วีดีโอก็ไม่มีอะไรนอกจากยัย Aluna Francis ที่เต้นอย่างคลุ้มคลั่งอยู่กับเพื่อนร่วมสถาบันสูตินารีแพทย์ แม้จะตัดซิงเกิ้ลออกมาไม่ได้โดนเท่าไหร่ แต่ก็พอใจกับการดูขายาวเป็นกกระยางของหล่อนก้าวสวบๆ ไปมาจนจบเพลง 



One Republic - Counting Stars

ปล่อยให้รุ่นน้อง Imagine Dragons ลอยลำไปตั้งนาน ใครว่า One Republic เอาอัลบั้ม Native ไปลอยอังคารแล้ว โนนะจ๊ะ เพราะตอนนี้คงที่อยู่ที่อันดับ 1 UK Official Chart มีติดไอพอดไว้เดือนนี้จะดีเป็นศรีแก่ตัว

Avril Lavigne - Let Me Go
บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็... ช่างเหอะ ยุคมืดของนางผ่านไปแล้วเพราะหญิงเล็ก อาวริล ลาวีญ กลับมากับผลผลิตใหม่กับคุณสามี ชาด โครเกอร์ แห่ง Nickelback กอบกู้ภาพลักษณ์และศักดิ์ศรีกลับมาได้อย่างสวยงาม เรียกว่าสามีดีมีชัยไปกว่าครึ่ง


Disclosure x London Grammar - Help Me Lose My Mind
งานใหม่ของ Disclosure กับสาวเสียงเท่ London Grammar ดีอกดีใจแทบตาย ยังไม่ทันได้ดูเอ็มวี เจ้าตัวก็กวาดคลิปเก็บไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโทษฐานมีฉากอัพยาเสพติดเป็นพิษต่อเยาวชน

About Me

My photo
my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect