สำหรับช่วง "มันมาจากไหน" วันนี้ขอเสนอเพลงที่ชื่อโหลสุดๆ ว่า "Bad Girls" ของเจ้าหญิงคนใหม่แห่งวงการอินดี้-อาร์แอนด์บี Solange Knowles แทร็กสุดท้ายจากอีพีที่มีชื่อว่า TRUE ที่รับการกล่าวขวัญจากนักวิจารณ์ให้เป็นอีพีของศิลปินหญิงที่มีคุณภาพที่สุดของปี 2012 ถามแค่ชื่อเพลง Bad Girls ก็คงไม่มีใครหน้าไหนตอบได้ว่ากำลังพูดถึงเพลงของใคร มีทั้งแบดเกิรล์ดีของ Usher และแบดเกิรล์เหี้ยของ David Guetta และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ถ้าเกิดใส่คำว่า Verdine Version เข้าไปละก็ รับรองว่า Youtube ของคุณกระหยิ่มยิ้มย่องทันที เพราะมันจะรู้ว่าคุณกำลังตามมาฟังเพลงสุด Out of Nowhere ที่เราแนะนำให้ฟังเพลงนี้
ว่าแต่ Verdine นี่คือใคร หรือตัวอะไรกันแน่?
เขาไม่ใช่ตัวอะไรที่ไหน แต่เขาคือ Verdine White มือกีตาร์แห่งวงตำนานอย่างหินเหล็กไฟ เอ้ย Earth, Wind, Fire ที่ได้รับเชิญมาเล่นเบสให้ในเพลงนี้นั่นเอง แต่ก่อนที่จะพูดถึงเขาคนนั้น เราขอแนะนำให้รู้จักกับโปรดิวเซอร์ และเจ้าของเสียงคีย์บอร์ดที่ลอยละล่องอยู่เบื้องหลังเสียงใสๆ ของโซลานจ์กันก่อน เขาคือ Dev Hynes หรือที่รู้จักกันในนาม Blood Orange และ Lightspeed Champion โปรดิวเซอร์สุดแนวที่รับความดีความชอบไปเต็มๆ เมื่อนักวิจารณ์พากันอวยให้อีพีนี้คือความสำเร็จหนึ่งในอาชีพการงานของเขา และปัจจุบันก็มีโปรดิวซ์งานให้กับรียูเนี่ยนของสามสาว MKS และร่วมทำเพลงให้กับ Sky Ferreira ข้างล่างนี้ด้วย ส่วนตัวเขาเองก็กำลังเดินหน้าตีตลาดอินดี้ด้วยซิงเกิ้ลเก๋สุดพลังชื่อว่า Chamakay
จาก Tumblr ของ Dev Hynes ได้เล่าไว้ถึงเบื้องหลังการอัดเสียงเพลงนี้ไว้ว่า
ต้ัองย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนตุลาคมปี 2010 ในขณะที่โซลานจ์และเดฟได้เก็บตัวหมักหมมกันอยู่ที่บ้านในฮอลลีวู้ด เดฟก็เลือกที่จะให้โซลานจ์เอาเพลงเก่าจากเดโมของ Blood Orange เพลงนี้ขึ้นมาร้อง จนพอเห็นว่าเข้าท่า งานใหญ่งอกก็ทันที เมื่อทั้งสองสามารถติด่อให้ Earth Wind Fire เข้ามาเล่นเบสให้กับเพลงนี้ได้สำเร็จ เดฟเล่าถึงตอนที่เขากับโซลานจ์นั่งหน้าเจื่อนๆ เหงือตกรอการมาถึงของ Verdine ด้วยความตื่นเต้น โซลานจ์ก็บอกว่า"เธอก็เป็นโปรดิวเซอร์นะ ยังไงก็ต้องกล้าสั่งให้เขาทำอะไรต่ออะไรได้" เมื่อ Verdine มาถึงและแล้วการอัดเพลงนี้ก็เริ่มขึ้น
เพลงเปิดด้วยจังหวะลอยๆ เหมือนตอน End Credit ของหนังนี่แหละ แบบเดียวกับที่มีในเวอร์ชั่นเดโมที่ตอนแรกมีความยาวตั้ง 12 นาที เสียงของโซลานจ์ต่างหากที่มีอิทธิพลทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงใหม่ที่มีเอกลักษณ์ได้ โดยเฉพาะนาทีสุดท้ายของเพลงที่โซลานจ์แสดงความสามารถในการด้นสดได้อย่างลื่นไหล และไพเราะ ส่วนเรื่องเบสนะเหรอ บอกได้เลยว่า เมื่อ Verdine เข้ามา เขาก็แค่หยิบเบสมาเล่นอิมโพรไวส์ได้ทันที จนทั้งสองนางปลาบปลื้มและให้สามผ่านในเทคเดียว เพราะฉะนั้น เสียงเบสที่ได้ยินในเพลงนี้ ก็คือเสียงเบสจากเหตุการณ์ที่เล่าถึงเนี่ยแหละ
ผลสรุปก็เลยออกมาเป็น Bad Girls Verdine Version ที่เป็นเพลงเหงาๆ ใช้เปิดคลอกับการมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินในเย็นพระอาทิตย์ตก หรือนั่งฟังไปคนเดียวเพลินๆ จนลืมวันลืมเวลาได้เลย
No comments:
Post a Comment