Saturday, October 12, 2013

Fruity Review #12: Diplo - Revolution (EP)


Diplo
Revolution (EP)
7/10

ถ้าเปรียบ Diplo เป็นพ่อครัว นางคือพ่อครัวที่มีเพียบพร้อมดั่งครัวกอดองเบลอ มีวัตถุดิบให้เลือกตั้งแต่ดีงูยันอุ้งตีนหมีราวกับห้องเครื่องจักรพรรดิ์จีน จะหยิบจะคว้าหาอะไรก็ได้มาดั่งใจ และละเมียดละไมไม่แพ้ครัวของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่เมนูที่ทำกลับเป็นอาหารประเภท ลาบ น้ำตก ซกเล็ก และอาหารป่าจำนวนมาก รวมไปถึงปลาร้า ที่นางต้องเน้นย้ำหนักหนาว่าต้องหนักเครื่องเป็นพิเศษ

ภาพคลื่นมหาชนในท่าหกสูงพร้อม Twerk ก่อตัวกันเป็นรูปกำปั้นขนาดใหญ่คล้ายกับที่่เคยเห็นในโปสเตอร์การปฎิวัติคิวบา พร้อมตัวหนังสือใหญ่ๆ ว่า "ปฎิวัติ" ช่างดูลักลั่นกันระหว่างความจริงจัง ทรงพลังและความต่ำตมของศิลปิน แทบนึกไม่ว่าออกว่าอยากจะปฏิวัติอะไรกันแน่ จนต้องพินิจพิเคราะห์ดูอย่างตั้งใจ

กำปั้นนั้นคงหนีไม่พ้น อิทธิพลดนตรีจากแถบคาริบเบียนที่ดีเจหน้าหล่อชาวอเมริกันคนนี้โปรดปรานเป็นหนักหนา ไม่ว่าจะเบื้องหลังชื่อ Major Lazer ก็ดี หรือในชื่อ Diplo เองก็ดี ไม่ก็มักจะจับต้นชนปลายมาได้จากดนตรีสายแดนซ์ฮอลล์ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแถวๆ ทะเลคาริบเบียนทั้งสิ้น เพียงแต่ 6 เพลงในอีพีนี้คือ แดนซ์ฮอลล์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจนไกลสุดกู่ อย่างเช่นใน Biggie Bounce ที่ถ้าไม่ได้เพอร์คัชชั่นมานำก็แทบจำทางกลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งแทร็คที่ Twerk กันอุตลุดจนไขข้ออักเสบกันไปตามๆ กัน เหมือนพี่แกจะกลัวเต้นไม่พอเลยแถม Biggie Bounce เวอร์ชั่น TWRK รีมิกซ์ให้ด้วย ดูเผินๆ เหมือนเกมส์เต้นที่มีให้เลือกจังหวะ ยาก-ง่าย ไว้ในตัว  

ก่อนจะมีไมลีย์และใครต่อใครก็มีพี่ดิพโลคนนี้นี่แหละที่ยืนกรานจะเผยแพร่ท่าเต้นสุดพิสดารสู่สายตาประชาชี ไม่ต้องแปลกใจว่าเมื่อถึงคราวกระแสมา หน้าปกอัลบั้มถึงได้มีชะนีหกสูงจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ แต่จะปฎิวัติอะไรได้ไหมอันนั้นต้องว่ากันอีกที เมนูพิสดารจานต่อไปคือ Rock Steady ที่ห่างไกลจากอัลบั้มของ No Doubt ที่เป็นวูบแรกในหัวลิบลับ เปิดตัวสองสามวินาทีแรกด้วย Symphony No.05 ก่อนจะใส่ Oldschool Hip-Hop เททะลักออกมาจนดำปิ๊ดปี๋ พร้อมด้วยกองทัพแร็พเปอร์อีกประมาณห้าพันล้านคนเรียงคิวกันมาแร็พอย่างไร้ระเบียบ

มาถึง Crown กับเสียงร้องหวานๆ ของ Mike Posner ร้องร่ำว่า I can't wait to be crown ฟังดูคล้ายคำรำพันของเจ้าชายตัวน้อยที่รอวันจะได้ไปราชันย์กับเขาซักที Crown เป็นเพลงที่ดูมีสติที่สุดในอัลบั้ม แม้ว่าพ่อโปรดิวเซอร์ก็ยันขยันใส่ซาวน์อะไรต่ออะไรเข้ามารบกวนตลอดเพลงก็เถอะ  // ส่วนที่เดาทางไม่ถูกที่สุดคือ Revolution ที่เดาไม่ออกจริงๆ ว่าจะมาแนวไหนกันแน่ เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า ไม่มีความเสมอต้นเสมอปลาย ฟังดูคล้ายเพลงแนว Trap ที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ หากตั้งใจฟังเกินไปอาจทำให้คุณนั่งฉงนจนจบเพลงไม่รู้ตัว

หกเพลงในอัลบั้มก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นงานที่พิถีพิถันซักเท่าไหร่ ตามสไตล์ Diplo ที่มักจะปล่อยอะไรออกมาตามอำเภอใจ คิดอะไรได้ก็ทำไปเรื่อยๆ ทำให้งานของเขามักจะมีความ spontaneous อยู่สูง งานของ Diplo มักจะหาใครมาเปรียบเทียบด้วยยาก แต่ถ้าเปรียบเทียบกับงานของตัวเอง ก็ไม่ถือว่าดีที่สุดหรืออะไรขนาดนั้น ถามว่างานนี้ Diplo จะปฎิวัติอะไร ก็คงเป็นการงัดเอาไม้ตายใหม่ๆ ที่ไปเสาะแสวงหามาจากดงศิลปินแนว Trap, Hip-Hop และ Dancehall ทั้งหลายมาจัดใหม่ให้เข้ากับสไตล์ส่วนตัวของตัวเองแล้วนำเสนอต่อสาธารณะชนในฐานะดีเจที่ดังที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่ถามว่าจะถึงขั้นพลิกประวัติศาสตร์ไหม ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าหากเปลี่ยนเป็นปฎิวัติซาวน์ใหม่ๆ ให้กับตัวเองละก็ แน่นอน

ใครที่ชอบกินราดหน้าใส่ปลาร้า ผัดไทใส่มายองเนส พิซซ่าจิ้มน้ำพริก ก็เกี่ยวอัลบั้มนี้มาฟังได้ไม่เสียหลาย แต่ถ้าใครชอบแนวแดนซ์ให้ตายไปข้างก็แนะนำให้หาอีพีชุดเก่าที่ชื่อว่า Express Yourself เมื่อปีที่แล้วมาฟังดีกว่า




No comments:

Post a Comment

About Me

My photo
my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect