Friday, August 30, 2013

ประวัติศาสตร์การ TWERK

TWERK หรือ "ท่านกกาหลังแอ่น" เพี้ยนมาจากคำว่า Work ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณเฑาะกยสถานได้ให้ความหมายไว้ว่า "การพยายามแอ่นตัวและเขย่าหรือสร้างแรงสั่นสะเทือนบริเวณปลายบั้นท้ายและกล้ามเนื้อต้นขาอย่างเร็ว เพื่อหวังกระตุ้นแรงขับทางเพศหรือสร้างความขำขันแก่ผู้พบเห็น"

จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับไมลี่ ไซรัสในงาน VMAs 2013 เมื่อวันจันทร์ที่่ผ่านมา ทำให้ปรากฏการณ์สะบัดอวัยวะนี้เป็นที่แพร่หลาย และเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เพราะนอกจากเธอจะพยายามนำเทรนด์การ TWERK สู่กลุ่มเยาวชนแล้ว ยังใช้ท่าเต้นนี้เพื่อกระทำการบัดสี จาบจ้วงน้องชายของร็อบบิน ธิกอย่างเอิกเกริกกลางเวทีอีกด้วย (ของจริงต้องแลบลิ้น) เพราะฉะนั้น Fruity Spoon ขอปฎิเสธที่จะให้เด็กและเยาวชนที่รู้เท่าไม่ถึงการต้องเข้าใจผิดคิดไปเองว่าไมลี่ ไซรัส คือต้นกำเนิด TWERKING เป็นอันขาด เราจึงขอเสนอตัวให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การ TWERK ที่มีมาช้านานเพื่อให้ความรู้แก่สังคมอุดมปัญญาต่อไป (เป็นโพสต์ที่จริงจังและมีสาระความรู้อัดแน่นมากจริงๆ)



จากการศึกษาหลักฐานพบว่า มีการบันทึกการ TWERK ไว้ครั้งแรกในช่วงปลายทศวรรษที่ 90s ในกลุ่มวัฒนธรรม Hip-Hop Oldschool มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าศิลปินที่มีนาม DJ Jubilee เป็นผู้ริเริ่มใช้คำนี้เป็นคนแรกในเนื้อเพลงที่ว่า "Do the Shake Do the Twerk Twer Twerk" ในเนื้อเพลงปรากฎหลักฐานการออกคำสั่งให้สั่นส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อความผ่อนคลายสนุกสนานและเพื่อการเข้าสังคม โดยในเนื้อเพลงมีคำสั่งอื่นๆ อีกตั้งมากมาย นักวิชาการยังคงถกเถียงกันอยู่ว่าทำไมแค่คำว่า TWERK ถึงเป็นที่นิยมในช่วงเวลาต่อมา

นอกจากนี้ในช่วงทศวรรษ 2000s ยังปรากฎหลักฐานการ TWERK อีกอย่างต่อเนื่อง มักพบมากในเพลงต่างๆ ของ Ying Yang Twins เช่นเพลง "Whistle while you Twerk it" และ "Say I Yi Yi" ในขณะที่นักร้องแร็พนามว่า French Montana ได้ตั้งคำถามถึงความสามารถใน Twerk ของปัจเจกบุคคลไว้อย่างน่าสนใจในเพลงว่า "What You Twerking With?" ในเพลง "Pop That" โดยผู้ค้นคว้าขอไม่นำเสนอวีดีโอทั้งหมดของเพลงเหล่านี้เพื่อรักษาระดับความต่ำตมของสังคม (moral decadance) ไว้ไม่ให้สูงจนเกินไป



ผู้ที่กล่าวได้ว่าคือจุดเริ่มต้นของ TWERKING Renaissance ตัวจริงคือ Diplo ดีเจ (สุดหล่อ) แห่งวง Major Lazor ที่นำเอาการ TWERKING กลับมาใช้อยู่บ่อยครั้งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดอยู่ในเพลงหนึ่งในอัลบั้มอีพีหนึ่งของเขา ในเพลงที่ชื่อว่า "Express Yourself" ที่นำเสนอหญิงสาวกำลังแสดงความสามารถในการ TWERK ขณะทำอิริยบทต่างๆ ทั้งท่าง่ายและยาก ในชีวิตประจำวันอย่างเกรี้ยวกราด ไม่อายฟ้าอายดิน นอกจากนี้ยังมีให้เห็นในเอ็มวีเพลง "Pon De Floor" ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ขอนำเสนอเพราะบัดสีจนเกินควรไปจริงๆ   

ทั้งนี้จึงทำให้การ TWERK ได้กระจายตัวจากกลุ่มวัฒนธรรม Ghetto ไปสู่วัฒนธรรม Pop Culture ได้อย่างรวดเร็ว เพราะมันได้ไปตกอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานอย่างเพลงที่ชื่อว่า "Twerk" ของ Justin Bieber ft. Miley Cyrusนี่แล

สุดท้ายนี้ เรามีคลิปการเต้น TWERK ที่ถูกต้อง สอดคล้องกับสรีระร่างกาย ถูกต้องตามหลักกายภาพสำหรับมือใหม่หัด TWERK และผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากไขมันบริเวณต้นขาอย่างสร้างสรรค์

Tuesday, August 20, 2013

Lady Gaga - Applause = Charlie Chaplin meets John Galliano



หลายคนคงได้ดูกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะติดตามจากการถ่ายทอดสด Good Morning America หรือแค่นั่งอยู่หน้าคอมเฉยๆ แล้วโดนคนแชร์เข้าในเฟซบุ๊กก็ตาม และนี้คือมิวซิกวีดีโอเพลง Applause อย่างเป็นทางการ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเอ็มวีตัวแรกในรอบสองปีที่ผ่านมา รู้สึกราวกับว่านางไม่ได้หายไปไหนเลย อาจจะเป็นเพราะช่วงที่เข้ามาทัวร์ในไทย ที่ชาวเราเทใจไปให้อย่างล้นหลามครั้งนั้นด้วย

อย่างไรก็ดี ส่วนตัวแล้ว Applause ไม่ได้สร้างความผิดหวังเลย เราเชื่อมือสองผู้กำกับ Inez และ Vinnodh มากๆ เพราะสองคนนี้มีผลงานทำวีดีโอสังเวยวงการแฟชั่นไปมากมาย และเป็นเคมีทางศิลปะที่ลงตัวกับกาก้ามากเลยทีเดียว นอกจากทั้งสามจะเคยร่วมงานทั้งโฟโต้ชูท และวีดีโออื่นๆ เมื่อสองสามปีก่อนแล้ว คนทั้งสามยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย

คือโดยตัวเอ็มวีแล้ว ก็อยู่ในมาตรฐานความอลังการตามสไตล์นางก้านั่นแหละ กะว่าจะเอาคนดูให้อยู่หมัดไม่มีละสายตาออกจากจอกันเลยซักวินาทีเดียว แต่ครั้งนี้คงไม่ได้สร้างความฮือฮาได้เท่าตอน Bad Romance แล้ว ซึ่งก็น่าเป็นห่วงว่าต่อไปอีกสี่ซ้าห้าปีจะทำแบบนี้ออกมาได้อีกโดยที่คนดูไม่เปื่อยไปซะก่อน ในเอ็มวีดูเหมือนจะมีซักประมาณ 10 ลุ๊คเห็นจะได้ ดูตอนแรกปวดหัวมาก แต่คล้ายว่าเธอจะพยายามทำทุกอย่างที่อยากทำอัดลงไปแบบเก็บทุกเม็ด ไม่ว่าจะเป็นชุดหอยกาบ ที่เอาหอยกาบมาปิดนม สำหรับลุ๊คนี้ถ้ามันได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Birth of Venus ของ Botticelli จริง มันจะเป็นอะไรที่หยาบคายต่อวงการประวัติศาสตร์ศิลปะมาก ฮ่าๆ และฉากบนฟูกที่ผู้กำกับบอกว่าอยากพูดถึงอดีตสมัยนางเพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนใหม่ๆ แล้วอยากไปเป็นนักร้อง แล้วต้องนอนบนฟูกแบบนี้ ทำผมทรงนี้ เพียงแต่ไม่ได้แก้ผ้าแบบนี้อยู่ตลอดแค่นั้นเอง (หาดู reference เอาได้จากเอ็มวี Marry The Night)

ส่วนตัวซีนที่เราชอบจัดๆ คือการปรากฎตัวขึ้นพร้อมลำแสงสีม่วงและควันที่พวยพุ่งออกมาจากด้านล่าง พร้อมกับแบกแขนปลอมขนาดใหญ่ ดูลำบากลำบนราวกับจีซัสแบกกางเขนก็ไม่ปาน ตื่นตาตื่นใจมากว่าเทคนิกที่ใช้คืออะไร ด้านงานเทคนิกตรงนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน การตัดต่อคล้ายกรอภาพเร็วๆ เหมือนหนังเงียบสมัยชาร์ลี แช็ปลิน และควันสีสวยๆ ที่พุ่งขึ้นมาจากหมวก และหัวหงศ์ Black Swan นี่เป็นสิ่งใหม่และน่าสนใจสำหรับวงการนี้เลยทีเดียว

หากเทียบกับ Born This Way แล้ว กาก้าทำออกมาได้ดีกว่ามากกกกกกกกก เลยทีเดียว ไม่ต้องพยายามจัดสรรหาสาระให้ตีความอะไรมากจนวีดีโอมีความยาวห้าร้อยนาที แต่ค่อยๆ เขยิบเข้าสู่การทดลองและ Performance Arts มากขึ้นโดยไม่กลัวกระแสตอบรับแบบนี้ แต่ที่ติดใจและรำคาญตามากคือทำไมหล่อนไม่ใส่เสื้อใส่แสงให้มันดี ข้อหนึ่งคือมันไม่ได้เซ็กซี่ซักนิดเดียว ข้อสองคือไม่มีผู้ชายแท้ๆ ทีไหนเขาดูเธอหรอก

Justin Timberlake และ Robin Thicke จะแสดงเวทีเดียวกันบน VMA 2013 !!


เอาแล้ววววแก!!

ระหว่างหยอยกับพี่ร็อบบิน ธิก นี่เรียกว่าเลือกฝั่งเชียร์ไม่ถูกกันเลยทีเดียว สำหรับ Line-Up โชว์ในงาน MTV Video Music Awards 2013 ที่จะจัดขึ้นในเช้าวันอาทิตย์นี้ ถือว่าเป็นคู่เดือดเชือดเฉือนมาก มุมน้ำเงินได้แก่เฮียหยอย Justin Timberlake ที่อัลบั้มส่งคัมเบคสุดหรูออกวางแผงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับไปอย่างล้นหลามและกำลังจะมีอีกหนึ่งอัลบั้มปิดท้ายปีนี้ด้วย มุมแดงคือเจ้าของเพลง Blurred Lines ที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองและเจ้าของอันดับหนึ่งตลอดเดือนที่แล้วกับอัลบั้ม ชืื่อเดียวกันที่ชนะใจนักวิจารณ์ไปไม่น้อย จุดนี้ถ้าฟังเพลงแล้วเลือกไม่ได้ แนะนำให้ตัดสินด้วยความหล่ออย่างเดียวเลยจ้าาา

ดูไปดูมา สองคนนี้ก็มีผลงานที่คล้ายๆ กันออกมามาก ไหนจะเรื่องลุ๊คและแนวเพลง เรียกว่าเอามาฟังแทนแก้ขัดกันไปได้ แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนออกอัลบั้มออกมาเบียดกันภายในปีเดียว ทาง VMA ก็เลยจัดให้ เอาสองคนนี้มาชนกันบนเวทีซะเลย ทำให้ VMA ปีนี้น่าดูขึ้นมากเพราะนอกจากนี้ยังมีโชว์เปิดตัวของ Lady Gaga, Katy Perry และ Miley Cyrus ด้วยนะ

Flatline - MKS


แม้ชื่อเพลงจะบอกว่า Flatline (หัวใจไม่เต้น) แต่ดูเหมือน MKS นั้นเป็นได้มากกว่าชีวิตหลังความตายของ Sugababes อย่างแน่นอน เพราะการกลับมารวมตัวของ origibabes อันประกอบไปด้วย Siobhan (นางที่ออกจากวงไปตั้งแต่จบอัลบั้มแรก) Keisha และ Mutya นั้นดูท่าทางจะไปได้ไกลกว่าวงที่ใช้ชื่อว่า Sugababes อยู่ทุกวันนี้เป็นแน่แท้

และนี้คือเอ็มวีของ Flatline ซิงเกิ้ลแรกในฐานะวงใหม่ ที่หลายคนตั้งตารอมาตั้งแต่ได้ยินเดโมเพลง Lay Down in the Swimming Pool เมื่อต้นปี ภายในประกอบไปด้วยสามนางเดินร่อนไปร่อนมาในชายหาดแถวแอลเอ แล้วก็นั่งรถคาดิลเลคไปหาวงมาร์ชชิ่งแบนในยามพระอาทิตย์ตกดิน ดูไม่ค่อยมีแก่นสารอะไรเท่าไหร่ แต่กล้องวินเทจ Super 8 อะไรซักอย่างนี่กลับทำให้ดูแล้วเจริญหูเจริญตากว่าดูเอ็มวีดีว่าส์แก้ผ้าเต้นอย่างบอกไม่ถูก ส่วนสาว Siobhan ที่ขายาวหุ่นเพรียวผมแดงตาโตสวยงามไม่เกรงใจเพื่อนสาวทั้งสองคน ราวกับคนละคนกับเด็กหน้าตอบซีดเซียวคนนั้นในเอ็มวี Overload เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผิดกับคุณนาย Mutya ที่ยิ่งดูยิ่งเห็นสัจธรรมชีวิตว่าสังขารบอดี้เราไม่เที่ยงจริงๆ ...แต่ก็รักนะ

ชอบเพลงเป็นที่สุด ชอบ Dev Hynes ที่มีผลงานโปรดิวซ์ดีๆ ออกมาให้ฟังตั้งแต่มาทำอีพีให้ Solange ซะเพราะพริ้งเมื่อปีที่แล้ว งานนี้เราคงมีอะไรดีๆ ให้ฟังนอกจากเพลงอิเล็คโทร ยูโรป็อป ซ้ำซากสักที อัลบั้มออกเมื่อไหร่ เราเขียนรีวิวแน่นอน บอกเลย

Tuesday, August 13, 2013

DECONSTRUCTING LADY GAGA: "Applause" cries all the way to the bank!

"Applause"
ARTPOP  (Lady Gaga)
3.5/5

หากใครได้ติดตามสถานการณ์เมื่อคืนวันแม่ที่ผ่านมาคงจะพอเข้าใจได้ถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้น เมื่อ Applause ของ Lady GaGa มีอันต้องคลอดก่อนกำหนดถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม ทำให้ซิงเกิ้ลใหม่เพลงนี้ออกมาว่อนอินเตอร์เน็ตและบล็อกเพลงสากลทั่วโลกภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่สิ่งที่ทำให้เกิดประเด็นคือกาก้า ปล่อยเพลงนี้ออกมาแย่งซีนการพรีเมียร์ Roar ซิงเกิ้ลใหม่ของ Katy Perry ที่หมายมั่นว่าจะเริ่มโปรโมทลงไอทูนส์อย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่รู้กาละเทศะของคุณแม่ Mother Monster นางนี้ เหตุการณ์เริ่มบานปลายเป็นสงครามระหว่างสองฝั่งติ่งฝรั่งให้อลหม่านบ้านทรายทองกันต่อไป

บ้างก็เห็นว่า Applause นั้นเป็นเพรชน้ำดีงามศรีสมศักดิ์ บ้างก็เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งนังหน้าด้านกันอย่างเมามันส์ ดูไปดูมาฝรั่งก็ไม่ได้แตกต่างจากติ่งดงบัง เอสเจ แถวบ้านเราเท่าไหร่หรอก โดยเฉพาะแฟนคลับดีว่าส์ทั้งหลายจงดูไว้เป็นอุทาหรณ์ หาได้รู้ไม่ว่า ไม่ว่าจะกาก้า (ที่เช้าวันต่อมาเจ๊แกส่งคลิปมาขอบคุณสวยๆ กับข้อความว่า Stop the drama, Start the music) หรือแขธี่ เพอร์รี่ ที่ได้รับคะแนนความสงสารและได้เหล่า Gaga Haters มาเป็นฐานแฟนเพลงอีกตรึม และได้ยอดดาวน์โหลดอันดับหนึ่งในไอทูนส์สมใจ

Fruity Spoon ขอแนะนำว่า อย่าทำให้ความสุขจากการฟังเพลงของเรากลายเป็นสงครามครูเสดไปเลย ปล่อยเรื่องตบตีกันให้เป็นเรื่องของเด็กมันเถอะ ฮ่าๆ ชวนมา Stop the drama, Start the music คุยเรื่องเพลงกันต่อดีกว่า!

เริ่มการชำแหละ "เพลงสรรเสริญ..." (Applause) กันจากท่อนอินโทรที่เปิดมาได้ดุดัน เหมาะสมอย่างยิ่งกับการเป็นแทร็คแรกของอัลบั้มและเสียงแรกที่ได้ยินหลังจากเสียบแผ่นซีดีเข้าไป ซาวน์คลับคล้ายจะเหมือนเกมส์ Atari ที่เคยเล่นสมัยเด็กๆ รวดเร็วทันใจด้วยท่อนแรกที่มีสไตล์การร้องเหมือน Grace Jones ตงิดตงิด ไม่แน่ใจว่านางจงใจจะดัดเสียงให้เหมือนเพื่อดึง Reference ดีว่าส์ยุค 80s หรือเปล่า

เนื้อร้องคือสิ่งที่ประดักประเดิดที่สุดในเพลงอย่างที่เดาไว้ไม่มีผิด Applause ต่างจาก Born This Way ตรงที่ มันไม่ได้เขียนเพื่อใครเลย นอกจาก ตัวเอง ตัวเอง และตัวเองเท่านั้น ความพยายามจะเอาศิลปะมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากทำออกมาแบบประเจิดประเจ้อ โดยเฉพาะท่อน Arts in pop, culture in me คว้านทะลุเปลือกเข้ามาเจอข้างในต๊ะติ้งโหน่งจะเป็นเรื่องใหญ่ ดูเรื่องการตั้งชื่ออัลบั้มอวดอ้างสรรพคุณว่า ARTPOP ไว้เป็นหลัก

แต่ก็ยังพอให้อภัยได้เมื่อปะทะกับบีทอิเล็กโทรป็อปฝีมือ DJ White Shadow ขาเก่าเจ้าเดิม ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดึงความ innovative มาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ก็ถือว่าเขยิบออกห่างจาก Born This Way มาได้พอสมควร โดยเฉพาะท่อนบริดจ์ applause applause applause สะกดจิต ไหนจะท่อนฮุครุนแรง รวดเร็ว ติดหูไม่เบา ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงป็อป ที่เรียกป๊อบบบป็อปแบบไม่ต้องมีแนวอื่นเข้ามาผสมเลย

เลดี้ กาก้า อาจจะไม่ได้เป็น Queen of Pop แต่ก็ไม่ถึงกับตัวตลกลูกอีช่างก็อป เธอคือต้นแบบแห่งการดึง reference จากโลกดนตรีมาประดับตัวอย่างมีศักดิ์ศรีและมีศิลปะ ดูตัวอย่างได้จากชื่อเธอก็มาจากเพลง Radio Gaga ของ Queens ที่มีความหมายประมาณว่าวิทยุมันมีแต่เพลงกากๆ เธอเลยคว้าบริบทความกากตรงนี้มาตั้งเป็นชื่อตัวเองเสียเลย เพราะฉะนั้นอย่าได้ตกใจ เพราะ reference เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างตั้งใจแน่นอน

ส่วนตัวแล้ว Applause ไม่น่าผิดหวังอย่างที่ใครว่าเลย มันดูเหมือนการพยายามคารวะต่อเพลงป็อปที่เธอมักจะป่าวประกาศว่ารักนักรักหนา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นธีมหลักของอัลบั้มนี้ เพราะฉะนั้นจงพยายามอย่ามองหาความอาร์ตล้ำลึกอะไรมากมาย เพราะนี่คือเลดี้กาก้าผู้แสดงจุดยืนมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะเป็นตัวแทนของดนตรีเมนสตรีมพื้นๆ เต้นได้ ฟังสนุกตามประสาเพลงป็อปกากๆ ธรรมดาๆ

แต่ถ้าถามว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนในชาร์ท ก็คงเดาว่าอาจจะสู้น้องแขลดาตอนนี้ไม่ได้ เพราะ Applause ไม่ได้ฟังดูสมัยนิยม หรือเพลงที่ชาวบ้านเขาจะฟังกันเลยซักนิด งานนี้ต้องอาศัยแฟนเพลง และวีดีโอ (ที่เราคาดหวังไว้ค่อนข้างสูง ฮ่าๆ) และการแสดงเปิดตัว ณ เวที VMA 2013 เป็นตัวประกัน  

แต่จะพูดอะไรไม่ได้มากหรอก เรามันก็แค่ บล็อกเกอร์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง


Monday, August 12, 2013

#Applausetoday Lady GAGA - Applause early release now!!


 
ข่าวด่วน!
เกิดความโกลาหลขึ้นค่ะคุณกิตติคะ ตอนนี้บล็อกเพลงสากลทั่วโลกกำลังปั่นป่วนมาก! นางคงรำคาญที่ชอบมีคนมาป่วนซิงเกิ้ล Applause อยู่บ่อยๆ พยายามปล่อยก่อนวันจริง ก้าตัดสินใจปล่อยเำพลงนี้ให้ฟังกันทุกคนแม่มซะเลย!! คนอื่นว่าไงไม่รู้แต่ตอนนี้ฟังกันด่วนๆ ตอนนี้เลย!


Katy Perry - Roar



อันที่จริงคนเกือบครึ่งโลกน่าจะได้ฟังกันตั้งแต่ก่อนพรีเมียร์ในวันนี้แล้ว เพราะมีมือดีที่ปล่อยเพลงนี้หลุดมาตั้งแต่วันเสาร์ แอบเห็นใจแขนะ หมดกันอุตสาห์ปล่อยทีเซอร์กระปิบกระปอยมาให้แฟนนั่งร้องเพลง Roar ตั้งนาน ฉไนเลยมาทำกับแขได้ แถมยังโดนวิจารณ์กระหน่ำตั้งแต่ก่อนวัยอันควรอีก เฮ้อ

แต่ก็อย่างว่าครับ Roar เพลงใหม่ของ Katy Perry ประจำอัลบั้ม Prism นี้ดูจะไม่ค่อยถูกใจกรรมการเท่าไหร่เพราะมีเสียงบ่นอุบมาว่าไม่ค่อยแรงอย่างที่คิด หากเทียบกับทีเซอร์ดุดันที่ส่งมาป่วนเฟซบุ๊กเมื่ออาทิตย์ก่อน ทำให้หลายคนลืมไปว่าเคธี เพอรี่เป็นนักร้องป็อปสายอคูสติกไม่ใช่อิเล็กโทรนิกซักหน่อย ถึงแม้จะมีลายเสือดาวประกอบก็ห้ามคาดหวังอะไรแบบ Where Have You Been นะจ๊ะ

โดยเนื้อผ้าแล้ว Roar ก็คือป็อปใสๆ เหมือนลูกเสือดาวตัวน้อยวัยเตรียมอนุบาล มีเนื้อเพลงดุๆ เอาไว้ขู่เพื่อนร่วมชั้น ฟังยังไงก็ดูน่ารักน่าชังผิดกับชื่อเพลงอยู่ดี ถ้าพูดกันเรื่องอนาคตแล้ว ถึงแม้ว่าเพลงจะไม่ได้เด่นทางด้านดนตรีอะไรมากมาย แต่ก็คงเป็นไปตามแบบของดนตรีกระแสหลักที่เพลงดาดๆ มักจะได้อันดับสูงๆ บนบิลบอร์ดเสมอ (การันตีด้วยอันดับหนึ่งห้าเพลงรวดใน Teenage Dream) ก็คงไม่แปลกเพราะดันไปถูกใจเหล่านักฟังเพลงวัยกระเตาะช่วง 12-18 ปีที่เป็นฐานคนฟังส่วนใหญ่ของดนตรีป็อปสมัยนี้แหละ

รอดูเอ็มวีของจริงสวยๆ เร็วๆ นี้ละกันจ้า เอ๊ะ ฮะ? อะไรนะ? อ้าวข้างบนไม่ใช่เหรอ? อ้อข้างบนคือ Brave ของ Sara Bareilles เหรออ!!

แหมก็เพลงมันเหมือนกันเกินไปหน่อย จำผิดจำถูกเลย ดูสิ!


ไม่ได้ลอกกันมาเลยจริงๆ เนอะแข

Thursday, August 8, 2013


คงไม่ต้องพูดอะไรมาก Lady GAGA ถ่ายคู่กับสองผู้กำกับ Inez และ Vinoodh ภาพจากกองถ่ายเอ็มวี Applause ซิงเกิ้ลแรกจากหนึ่งอัลบั้มที่ีมีคนรอฟังมากที่สุดของปี สังเกตการณ์จากภาพต่างๆ ที่ปล่อยมาในช่วงเมื่อสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ดูเหมือนคุณเจ๊จะเปลี่ยนแนวจากอวองการ์ดแปลกประหลาดเป็น มาสู่ลุ๊คเท่ห์ เรียบ ดูง่ายสบายตาขึ้น อันสืบเนื่องมาจากว่า 1. นางโตขึ้น นางอยากลองเป็น Kate Bush หรืออะไรแบบนี้ดูบ้าง 2. บ้าบอคอแตกนางทำไปหมดแล้ว 3. นางเพลย์เซพ กลัวแป๊ก ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ค่อยปลาบปลืมกับชื่ออัลบั้ม ARTPOP ที่ดูพย๊ามพยามยัดเยียดความอาร์ตให้คนฟังจังเลย แต่ก็รู้สึกว่าพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งมวลอยู่ดี

ทิ้งท้ายไว้เล็กน้อยกับภาพสองผู้กำกับคู่หูชาวดัทช์ Inez van Lamsweerde และ Vinoodh Matadin และผลงาน รอติดตาม Applause พร้อมกัน 19.8.2013 นี้และแสดงสดบนเวที VMA 2013 วันที่ 25.8.2013 นี้จ้า


Wednesday, August 7, 2013

"I'm a fucking teenage tragedy"


เมื่อประมาณต้นเดือนที่แล้ว ในวงการเพลงป็อปกระแสรองมีซิงเกิ้ลของสาวนางหนึ่งที่ปล่อยออกมาแล้วหายวับไปกับตาอย่างน่าเสียดาย เป็นซิงเกิ้ลที่สองจากอัลบั้มใหม่ใกล้คลอด ของ Natalia Kills ที่ใช้ชื่อแสนจะธรรมดาว่า "Saturday Night" แค่ชื่อฟังเผินๆ ดูคล้ายจะพูดถึง Saturday Night Fever หรืออะไรที่ดูสนุกสนานสำหรับคืนวันเสาร์ แต่ตัวเพลงจริงทำออกมาได้น่าหมองหม่น อึมครืม ราวกับหนังฟิล์มนัวร์ฝรั่งเศสก็ไม่ปาน เป็นซิงเกิ้ลหนึ่งที่เราเห็นว่าโดดเด่นทั้งภาคดนตรีและเนื้อหา รวมไปถึงการนำเสนอตัวเองได้อย่างลงตัว จนรู้สึกเสียดายที่จะปล่อยผ่านไม่ได้เอามาพูดถึง

Saturday Night เล่าเรื่องความปวดร้าวในวัยเด็ก ของเด็กหญิง Natalia Keery Fisher อันคือนามจริงของนักร้องสาวชาวอังกฤษวัย 26 นางนี้ ซึ่งหลายคนที่รู้จักนาตาเลียมาบ้าง อาจจะพอทราบมาก่อนว่า เธอเติบโตมาในชาติตระกูลสูงส่ง ชีวิตความเป็นอยู่สไตล์ชาววัง เรียนโรงเรียนเอกชนหญิงล้วนแบบผู้ดีอังกฤษ จนมาเรียนเข้ามาเรียนโรงเรียนศิลปะและการแสดง แล้วมาผลิตผลงานเป็นอาร์ติสตามที่ตัวเองหวังไว้ กับชีวิตที่เรามองดูเหมือนจะเ้ข้าทีเข้าท่า จนบางครั้งอาจจะดูน่าอิจฉา นาตาเลียเธอเลือกที่จะสะท้อนอีกด้านหนึ่งของวัยเด็กที่ผ่านมากับครอบครัวที่พ่อติดเหล้า แม่ติดยา ความรุนแรงในครอบครัว ขาดความอบอุ่น หนีออกจากบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า ติดยาเสพติดจนเสียผู้เสียคน

แต่สิ่งพิเศษสำหรับเพลงนี้ไม่ใช่ความน้ำเน่าดาวพระศุกร์อะไรหรอก แต่มันคือมุมมองในการเล่าเรื่องของเด็กคนหนึ่ง ที่ต้องมาคอยปั้นหน้าปั้นตารับแขกเหรือในสังคมมาตั้งแต่จำความได้ ให้ทุกคนเข้าใจว่านี้คือครอบครัวตัวอย่าง ที่สุดแห่งความสมบูรณ์แบบ ไปกับเนื้อเพลงที่กรีดแทงตัวเองด้วยประโยคประมาณว่า "แม่จ๋า วันนี้แม่สวยจัง ดูซิไม่มีใครรู้เลยว่าเมื่อคืนพ่อทำอะไรแม่" ดูเป็นประโยคง่ายๆ ที่ประชดประชันได้อย่างหน้าตายไร้เดียงสาอย่างยิ่ง หรือ "เมื่อฉันมองออกไปบนทางเท้า ฉันบอกตัวเองว่าวันนี้จะไม่เป็นอะไร มันก็แค่คืนวันเสาร์ธรรมดาๆคืนนึง" ที่แอบ imply ว่าคืนวันเสาร์แบบนี้แหละ ที่ตัวเองจะต้องออกมาเร่ร่อนไม่จุดหมายทุกที ทำให้บริบทของคำว่า Saturday Night ผลิกไปจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที

ในภาคดนตรีฟังครั้งแรก ราวกับ Lana Del Rey มาร้องให้ Depache Mode อย่างไงอย่างงั้น เพราะการเปลี่ยนเป็นโทนเสียงทุ้มต่ำ ค่อยๆ นวยนาดไปราวกับเมายาแบบนี้ไม่ค่อยมีใ้ห้เห็นในอัลบั้มก่อน กับดนตรีอิเลคโทรป็อปแบบฉบับอังกฤษจ๋า พอสุดท้ายใกล้จบเพลงก็ไม่วายจะต้องมีโซโลกีตาร์เพิ่มความรุนแรง ช่วยซ้ำเติมความอ้างว้างว่างเปล่าของสตรีนางนี้ให้บาดลึกเข้าไปอีก แต่ก็ยังหนีไม่พ้นท่อนฮุคจำง๊ายง่าย ฟังทีเดียวก็ร้องได้แล้ว ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันไม่ดังเนอะ


ส่วนเอ็มวีนี่เรียกว่าพลาดไม่ได้เลย ได้ข่าวว่าสาวนาตาเลียเธอได้ลงมือเขียนสกรีนเพลย์เองด้วย เอ็มวีออกมาตรงตำรับ Absurdist ตามสไตล์เด็กสายละครเลย มีการเดินทะลุออกมานอกฉาก แล้วก็กลับเข้ามาออกประตูเดิม แล้วก็เดินทะลุออกไปอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใช้สัญลักษณ์เป็นฉากไม้ตกแต่งเป็นบ้านหรูหรา มีตัวละครพ่อแม่ มีใครต่อใครเดินเข้ามาวุ่นวายกับสาวผมดำขลับในชุดชาแนลคนนี้เต็มไปหมด ดูครั้งแรกอาจจะยังไ่ม่ค่อยเข้าใจ ดูซ้ำอีกซักครั้งจะเข้าใจว่าเธอจะสื่อว่า ฉันหนีออกจากบ้าน ที่มันเป็นฉากจอมปลอมนี้ออกมาเป็นครั้งที่ล้านแล้ว ช่วยพากูออกไปที!! สำหรับเอ็มวีนี้ อะไรก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ดูแล้วอยากจะเดินไปตลาด ไปซื้อซาบรีน่ามาให้เธอใส่จัง จุกหัวกระสุนคู่นั้นเป็นอะไรที่ดูแล้วไขว้เขวมาก     

รวมๆ แล้วก็รู้สึกฉงนสงสัย ว่าทำไมเพลงดีๆมักจะไม่ดัง หรือว่าฝ่ายพีอาร์ค่ายนี้ขาดเงินโปรโมตหรือไร?

About Me

My photo
my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect