Friday, January 4, 2013
Fruity Review #5: Alicia Keys Girl On Fire
Alicia Keys
Girl On Fire
8/10
เมื่อใดที่พูดถึงงานของอลิเชีย คียส์ เมื่อนั้นภาพผู้หญิงผิวผสมวัยยี่สิบต้นๆ กำลังเล่นเพลง If I Ain't Got You กับเปียโนตัวสวยบนดาดฟ้าตึกในย่านฮาร์เล็มในนิวยอร์กที่ฝังอยู่ในมโนคงออกมาลอยกันให้ขวักไขว่ เพราะนั่นคงเป็นภาพจำภาพแรกที่ใครๆ ก็นึกถึงเมื่อพูดถึง อลิเชีย คีส์... นักร้องหญิงหน้าตาสวย เพลงช้า เปียโน โซลฟูล ความหมายดีน้ำตาตก... เพราะหลังจาก 11 ปีหลังจากอัลบั้มแจ้งเกิด Songs in the Minor เมื่อปี 2001 ที่ฟาดรางวัลแกรมมี่ไปห้ารางวัล ต่อด้วย The Diary of Alicia Keys ในปีต่อมา ที่เซ็ทมาตรฐานไว้ซะสูงลิ่ว แต่ดูเหมือนการพยายามลบภาพจำของใครต่อใครคงไม่ใช่เป้าหมายหลักของผู้หญิงคนนี้ซักเท่าไหร่เพราะดูเหมือนยิ่งก้าวเดินต่อไปเท่าไหร่ก็ยิ่งค้นพบตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก The Element of Freedom เมื่อปี 2009 เธอหายหน้าไปหยิบจับอย่างอื่นมากมายตั้งแต่เป็นผู้กำกับละครเวที เป็นโปรดิวเซอร์เบื้องหลัง แต่งเพลงให้คนอื่น ร่วมไปถึงไปออกรองเท้าให้ Reebok ก็เอา แต่ประสบการณ์อะไรคงไม่สู้การมาถึงของน้องหนู Egypt วัยหนึ่งขวบ ที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในการแต่งเพลงให้กับ Girl on Fire อัลบั้มล่าสุดชิ้นนี้ได้เป็นกอง
สำหรับ Girl On Fire อัลบั้มเต็มชิ้นที่ 5 เธอดูเป็นผู้หญิงคิดบวก อารมณ์ดี๊ดี ตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้ายคล้ายกับอาการอินเลิฟในอัลบั้ม 4 ของบียอนเซ่ที่ปริ่มไปด้วยเพลงรักหวานชื่นรื่นรมณ์ตลบอบอวลไปหมด ต่างกันที่มันคืออารมณ์มองโลกในแง่ดีราวกับแม่ชีเทเรซ่า ตั้งแต่เปียโนในอินโทร De Novo Adagio ที่ใส่มาเป็นธรรมเนียมไว้ทุกอัลบั้มเพื่อไม่ให้ลืมว่าหล่อนถูกเทรนมาแบบนักดนตรีคลาสสิกนะจ๊ะ, Brand New Me คำประกาศอิสรภาพของสตรีผู้ลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งของตัวเองเป็นครั้งแรก ตรงไปตรงมาและไพเราะทั้งเนื้อหาและทำนอง, When It's All Over ฝึมือโปรดิวซ์ของ Jamie xx แห่งวง The xx ผสานเพอร์คัสชั่นแจ๊ซชนกับซินธิไซเซอร์ลอยลมมาแต่ไกล กับเนื้อเพลงปลงชีวิตแบบ "When they lay me down, Put my soul to rest, When they ask me how I spent my life, At least I gotta love ya" ที่พอมาถึงเสียงหัดพูดของน้องอียิปต์ในตอนท้ายถึงได้ร้องอ๋อว่าเธอหมายถึงใคร เป็นหนึ่งเพลงที่ทำแต้มนำโด่งให้กับอัลบั้มนี้, New Day บีทฮิปฮอปหนักแน่นขึ้นอีกนิดกับเพลงเดียวที่คุณสามี Swizz Beatz แอบเหน็บไว้ให้ เก็บไว้เป็นเพลงฟีลกู๊ดเอาไว้ฟังตอนรถติดได้อย่างดี, Girl on Fire ไตเติ้ลแทร็คกับอีกหนึ่งการปรากฎตัวที่ไม่จำเป็นของ Nicki Minaj, Tears Always Win ร่วมโปรดิวซ์และร่วมแต่งโดย Bruno Mars ตัดช่องน้อยแต่พอด้วยเปียโนกับจังหวะกลางๆ คอรัสฟังง่ายๆ ที่ไม่ค่อยมีอะไรเด่นเท่าไหร่นอกจากว่ามันโปรดิืวซ์โดยหนุ่มมารส์เนี่ยแหละ (หล่อนเข้าใจเลือกเพื่อนร่วมงานนะเนี่ย แต่ละคน Emeli Sandé งี้ Bruno Mars งี้ โอ้ไหนจะ Frank Ocean!), Not Even King ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับคอนเซปเงินทองของนอกกายแบบ If I Ain't Got You อยู่ แต่คราวนี้ขอเดี่ยวๆ กับกีตาร์และนักร้องเท่านั้น และสุดท้ายเพลงนางเอกที่เจ้าของบล็อกขอดันสุดฤทธิ์คือ Fire We Make ที่กลับไปจับอาร์แอนด์บี slow jam แบบ R.Kelly ในยุค 90s เนื้อร้องเนิบๆถูกแบ่งที่ให้กับเสียง falsetto ของหนุ่ม Maxwell ดวลกันครึ่งต่อครึ่ง เป็นอาร์แอนด์บีร้อนแรง หลับตาเห็นภาพอ่างอาบน้ำหรูบนเพนธ์เฮ้าส์ ใต้แสงเทียนสลัว กับคนรัก ที่แอบจำมาจากหนังฮอลลีวู้ด ระดับอุณหภูมิสูงใกล้เคียงกับ Dragon's Day จากอัลบั้มเก่า
คียส์ให้คำจำกัดความว่ามันคืออัลบั้มที่ได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด ดูจะเป็นคำจำกัดความเกร่อๆ ของศิลปินค่ายอาร์เอสไปหน่อย แต่เมื่อได้ฟังแล้วคิดว่าคงไม่ใช่ความหลอกเท่าไหร่ เพราะตลอดต้นจนจบเราสัมผัสได้ถึงความพยายามใส่ความเป็นส่วนตัวลงไปอย่างเต็มที่ ทั้งความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ อารมณ์ การเล่าเรื่องที่ฟังดูสมจริง ไปจนถึงการคว้าลูกชายมานั่งอ้อแอ้ๆ ให้ฟัง เราคงเคยเห็นศิลปินมากมายที่โตมาด้วยกัน จนเราสามารถสังเกตเห็นได้ถึงความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจากงานเพลง เจ้าของบล็อกคิดว่างานของคีส์เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคนหนึ่ง จากการที่เธอพยายามขมักเขม้นบอกเล่าเรื่องราวอย่าง Passionate -- แต่ถ้าจะให้คำจำกัดความด้วยตัวเอง คงต้องบอกว่านี่เป็นงานที่อารมณ์ดีที่สุดชิ้นหนึ่ง มองโลกผ่านมุมมองของคนที่ผ่านโลกมามากขึ้น
มันคงเป็นพลังแบบเดียวกับอัลบั้ม Ray of Light ของมาดอนน่า ที่เฉลิมฉลองการให้กำเนิดของลูกสาวคนแรกที่พลิกให้เจ๊แกดูเป็นผู้ใหญ๋ขึ้นหน้ามือเป็นหลังมือ แต่แตกต่างกันตรงที่มันปริ่มไปด้วยข้อความให้กำลังใจ สู้ต่อไปนะเด็กๆ อยู่เต็มไปหมด หลายคนที่ได้ฟังของพวกนี้จนชินแล้วก็คงผ่านๆไป แต่บางคนที่กำลังต้องการมันเพื่อสู้ต่อไป งานชิ้นนี้คงเป็นเพื่อนสาวหน้าสวยที่ช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้นนิดนึงแหละ
Love this? Try these: John Legend, Emili Sande, Mary J. Blige
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Blog Archive
About Me
- Harmish Muszid
- my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect
No comments:
Post a Comment