ตั้งแต่ Amy Winehouse เรื่อยมาจนถึง Duffy, Paloma Faith ปีต่อมาเป็น Adele จนถึงปีนี้ดูเหมือนเกาะอังกฤษจะเริ่มกลายสภาพเป็นสถานบ่มเพาะนักร้องหญิงเสียงดีที่นิยมดนตรีวินเทจโซล Motown ไปเรียบร้อย สำหรับปีนี้สองเสียงที่จะเกิดแบบเห็นๆปีนี้ขอทำนายว่าคงหนีไม่พ้นสองสาวที่จะเอามาบอกต่อให้ฟังอย่างแน่นอน
สำหรับ Rebecca Ferguson หลายคนคงรู้จักกันไปบ้างแล้วจากเวที X Factor คุณแม่ยังเด็ก (มาก) เจ้าของเสียงเอกลักษณ์น้องๆ Macy Grey (และสำเนียงแปร่งๆ แบบลิเวอร์พูล) เจ้าของเพลงอย่าง Nothing's Real But Love, Glitters and Gold ล่าสุดปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ Teach Me How To Be Loved อีกหนึ่งดอกจากอัลบั้ม Heaven ที่ออกมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วมาเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่าครบหนึ่งปีพอดีที่ใครหลายคน ร่วมถึงเจ้าของบล็อกด้วยได้ฟังอัลบั้ม Heaven นี้เป็นครั้งแรก และหลงรักเพลงนี้อย่างหัวปักหัวปำ แถม Teach Me How To Be Loved ยังเป็นเพลงโปรดที่สุดในอัลบั้มนี้อีกด้วยคงเดาออกว่าดีใจกระโดดโลดเต้นขนาดไหนที่มันได้ตัดเป็นซิงเกิ้ลเป็นฝั่งเป็นฝากับเขาซักที
ทำไมถึงชอบ ตรงนี้พูดลำบากอยากให้สัมผัสถึงความละมุนละไมและหวานหยดย้อยของเพลงนี้ด้วยตัวคุณเองดีกว่า เพราะนี่คือเพลงรักที่อ่อนแอ บอบบาง และจริงใจที่สุดเพลงหนึ่งของปีที่ผ่านมา ที่บอกเล่าอาการกล้าๆ กลัวๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งที่บอบช้ำสะบักสะบอมจากความรัก กำลังจะตัดสินใจเปิดใจให้ใครซักคน แต่จะหัวจะก้อยยังไงก็ไม่รู้ เลยได้แต่พรรณาในใจว่า "Please don't hurt me" อย่าทำร้ายจิตใจฉันอีกเลย
ส่วนเอ็มวี ซึ่งอันที่จริง VEVO ปล่อยมาก่อนซักพักแล้ว ก็อัดเอาง่ายจากฟุตเตจในสตูดิโอเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน อาจดูสุกเอาเผากินไปหน่อย เหมือนจะไม่ได้หวัแย่งชิงลำดับในชาร์ตวิทยุกับใคร แต่เมื่อมีดีขนาดนี้แล้วใครจะขออะไรได้อีกละ จริงไหม?
รายต่อไปเป็นคลื่นลูกใหม่ของแท้เพราะเพิ่งเปิดตัวอัลบั้มแรกได้ไม่กี่เดือนที่แล้วนี แต่ไม่ทันไรก็กลายเป็นลูกรักนักวิจารณ์ไปเรียบร้อยในมหกรรมการจัดอันดับท็อปเท็นอัลบั้มที่ดีที่สุดแห่งปี ทั้งบล็อก ทั้งนิตยสารเพลงต่างรวมพลังกันแซ่ซ้องสรรเสริญให้อัลบั้มของเธอคนนี้กันยกใหญ่ เธอคนนั้นก็คือ ...
Jessie Ware นั่นเอง
อ๊ะๆ Jessie Ware ไม่ได้เป็นอะไรกับ Jessie J นะ คนละรุ่นกันเลย สาวสวยคนนี้เนี่ยเขามีชื่อว่า Jessica Lois Ware อายุ 28 ปี ที่เริ่มปรากฏตัวต่อหน้าสายตาสาธารณะชนได้ไม่นาน เริ่มจากการแอบไปร้องไปฝากเสียงเย็นๆ ไว้ใน
Right Thing To Do ในอัลบั้มของ SBTRKT (อ่านว่า Subtract) โดยที่ไม่ฝากเครดิตไว้เมื่อปี 2011 นู้น ใครเคยฟังแล้วคุ้นๆ ก็นี่แหละ เสียงคนนี้แหละ ต่อมาก็ทำอัลบั้มเต็มของตัวเอง โดยมีหนุ่มซับแทร็คเนี่ยแหละมาร่วมโปรดิวซ์ให้ ออกเป็นอัลบั้มโซล/การาจ สุดเนี้ยบที่รุ่มรวยไปด้วยเครื่องดนตรีสารพัดชนิด นิตยสาร Clash บอกว่ามันคือจุดเชื่อมระหว่างงานของ Adele กับ SBTRKT และน้ำเสียงในตำนานอย่าง Sade ในยุค 80s ส่วน The Guardian เทคะแนให้ 10/10 สำหรับความเห็นเจ้าของบล็อกก็ยอมรับว่าฟังแล้วก็อยากโดดเข้าร่วมมหกรรมการอวยด้วยอีกคน เอากับนางซี่
ตั้งแต่เดือนตุลาที่ผ่านมา เธอได้ฝากผลงานไว้แล้วหลายซิงเกิ้ล ตั้งแต่ Strangest Feeling, Wildest Moment, Night Light, Sweet Talk และ ล่าสุดที่เพิ่งพรีเมียร์เมื่อวานคือ If You're Never Gonna Move ข้างล่างนี่แหละ
สำหรับ If You're Never Gonna Move อันมีชื่อเดิมตามหลังปกว่า 110% นั้นอาจฟังยากกว่าเพลงอื่นขึ้นนิดหน่อย Future Garage มากขึ้น Soul น้อยลง แต่เสียงของ Jessie Ware ก็ทำให้อะไรต่ออะไรมันน่าฟังขึ้นเยอะเลย จริงไหม? ส่วนเอ็มวีนี้
Kate Moross ดีไซน์เนอร์จากลอนดอนที่เคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วมากำกับให้ ยึดคอนเซปน้อยแต่มาก แต่ทำออกมาได้สวยหยาด ลงตัวไปหมดทั้งเสื้อผ้า แต่งหน้า สถานที่ สวนดอกไม้ ศาลาทรงโกธิก หรูหรามีระดับ เพลิดเพลินจนลืมไปว่านี่มันไม่มีอะไรเลยนี่หว่า...