MTV Unplugged: Miley Cyrus
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้แฟนเพลงเจ๊แม่ Madonna ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่อาจต้องตกใจเมื่อเสิร์ชเพลง Don't Tell Me แล้วได้ผลลัพธ์เป็นนางเหมยลี่ลิ้นยาวในสภาพเสื้อยีนส์ขาดวิ่นและหมวกคาวบอย อันเนื่องมาจากวันพุธที่ผ่านมาเกิดสิ่งที่เรียกว่า Miley Cyrus: MTV Unplugged ที่ต่อชีวิตการงานวัยใกล้เกษียณของมาดอนน่าให้กลับมาอยู่ในสายตาคนฟังรุ่นใหม่อีกครั้ง
ต้องขอบคุณไปถึง MTV Unplugged รายการแสดงสดจากช่องดนตรียักษ์ใหญ่แห่งอเมริกา ที่จะเชิญศิลปินดังต่างๆ มาจัดคอนเสิร์ตเปิดบ้านอคูสติกแบบส่วนตัว โดยให้อิสระทางความคิดและการเงินอย่างเต็มที่ และต้องขอบคุณอาเหมย Miley Cyrus ที่ยังคิดถึงเพลงของอาม่า อันเป็นเพลงที่ถูกกาลเวลากลบหายไปกว่าสิบปีอย่าง Don't Tell Me ขึ้นมาร้องใหม่ แถมยังไม่ลืมที่จะบวงสรวงอัญเชิญเสด็จย่าตัวจริงมาประทับที่เวที MTV ด้วย
ไหนๆ Don't Tell Me ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ก็เลยอยากจะถือโอกาสนี้เขียนถึงซิงเกิ้ลอันเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้าสักหน่อย ครั้นจะเขียนถึง Don't Tell Me ให้แฟนมาดอนนาอ่านก็เกรงว่าจะเป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำเสียเปล่า แต่เมื่อวันสองวันก่อนก็ยังได้ยินน้องนุ่งหลายคนที่ยอมสารภาพว่า "เกิดไม่ทัน" และไม่เคยได้ยินมาก่อน ก็จะคิดเสียว่าจะอุทิศโพสต์นี้ให้กับยุวชนรุ่นหลังเสียแล้วกัน
Madonna - Music (2000) |
ไม่แปลกนักที่อาเหมยจะให้สัมภาษณ์ว่าฟังเพลงของอาม่าสมัยยังเป็นเด็ก เพราะวันที่อัลบั้มนี้วางแผงเจ้าตัวเองก็คงอายุได้ไม่เกิน 10 ขวบด้วยซ้ำ จินตนาการเอาเองว่าคุณพ่อนักร้องคันทรี Billie Rae Cyrus คงพยายามกรอกหูให้ลูกซึมซับแนวดนตรีของตัวอยู่ เพลง Don't Tell Me นั้นอยู่ในอัลบั้มที่ตั้งชื่อได้อย่างย่ำแย่ว่า "MUSIC" ราวกับว่าโลกนี้มีนี้ไม่มีสิ่งอื่นที่ถูกเรียกว่า music เลยทีเดียว หรือถ้าจำไม่ได้ก็ให้นึกถึงยุคที่คุณแม่แต่งตัวเป็นคาวบอยนี่แหละ หลายคนที่เห็นเธอปรากฏตัวในงานแกรมมี่ด้วยชุดคาวบอยคงจะหาได้อีกหนึ่งเหตุผลมาตอบตัวเองว่าทำไมเธอเลือกลุ๊คนี้กลับมาแต่งอีกครั้ง นั่นก็อาจจะเป็นเพราะกำลังจะเชื่อมโยงไปถึงการแสดงสดกับไมลี่ ไซรัสในอีกไม่กี่วันถัดมานั่นเอง
แต่แรงบันดาลใจจากความคันทรี่นั้นไม่ได้อยู่ที่แค่การแต่งตัวอย่างเดียวหรอกนะ เพราะคุณป้าเองก็ไม่สู้จะเห็นด้วยกับไอเดียการแต่งตัวเป็นคาวบอยโปรโมทอัลบั้มนี้ของช่างภาพคู่ใจ Jean-Baptiste Mondino ซักเท่าไหร่ แต่คุณป้าก็เริ่มเห็นสัญญาณความคันทรีในผลงานของตัวเองตั้งแต่เพลง American Pie เพลงคันทรีระดับคลาสสิกที่ถูกค่ายบังคับให้คัฟเวอร์มาเมื่อต้นปีที่แล้ว บวกกับการที่คุณป้าเริ่มหัดเล่นกีตาร์เป็นครั้งแรกจึงอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะเสริมให้แก่ลุ๊คนี้ จนกระทั่งป้าเห็นผลลัพธ์ที่ถ่ายออกมานั่นแหละถึงจะรู้สึกปลื้มปริ่มไฟเขียวให้ผ่านได้
Don't Tell Me คือเพลงแรกของคุณป้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงแนวคันทรีเข้าไปเต็มๆ มันถูกแต่งโดย Joe Henry น้องเขยของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า Stop โดยผ่านกระบวนการตัดแต่งให้เข้ากับปากตัวเองก่อนที่จะมาร้อง เพลงนี้โด่งดังด้วยกีตาร์ริฟที่นำความรู้สึกเหมือนเพลงคันทรี-โฟล์ค ก่อนที่จะตลบด้วยบีทสนุกๆ และเรียบง่ายทำให้กลายเป็น pop-dance ที่ใส่ความรู้สึกแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในเพลงของมาดอนน่า ทำให้นักวิจารณ์หลายคนในช่วงนั้นก็มักจะชมอัลบั้มนี้ไปในทางที่ว่า "กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าทดลอง และร่าเริงกว่า Ray Of Light" จุดนี้เจ้าของบล็อกก็ขอชูมือเห็นด้วยอีกคน แต่ก็น่าเสียดายที่ Don't Tell Me ไม่ได้รับการตอบรับเลิศเลอเหมือน Music ซิงเกิ้ลพี่สาว และอัลบั้มเองก็ส่งซิงเกิ้ลมาอีกเพียงหนึ่งเพลงก็พับโปรเจ็คปิดกิจการเรียบร้อย
MTV Unplugged: Miley Cyrus Poster |
ตัดภาพกลับมาที่เหมยลี่ที่ ณ จุดนี้จะขี้จะตดก็เป็นข่าวมันเสียหมด ถึงคราวอาเหมยขอใช้เวที MTV Unplugged พิสูจน์ความสามารถกันซักตั้ง โดยงานนี้ก็เรียกว่าถอดปลั๊กหมดทุกชิ้นไม่มีเครื่องดนตรีไหนที่มาจากคอมพิวเตอร์เลย เรียกว่าเป็นกฏของรายการนี้ ที่จะต้องแสดงโดยเป็นรูปแบบอคูสติกเท่านั้น สำหรับโชว์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบเหมยก็เป็นคนคิดเองออกแบบเองทั้งหมดตั้งแต่เสื้อผ้า ฉาก ลิสต์เพลงต่างๆ รวมไปถึงการเลือกแขกรับเชิญนางนี้เข้ามาก็เป็นการตัดสินใจของเธอด้วยนะ เหมยบอก MTV ด้วยว่าความที่ชอบเสด็จย่ามาดอนน่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อมาเลือกเพลงของย่าจึงสังเกตว่า โอ้ Don't Tell Me นี่มันมีความหมายเหมือน We Can't Stop เวอร์ชั่นเจ้าบทเจ้ากลอนกว่า และล่อแหลมน้อยกว่าแถมยังตรงกับแนวคันทรีสมัยเราเป็น Hannah Montana เลยนี่นา! ว่าแล้วนางก็คงยกหูกริ๊งกร๊างไปหาเสด็จย่าที่บังเอิญกำลังหิวกระหายโอกาสที่จะกลับมาอยู่กระแสวัยรุ่นอีกครั้ง
ความรู้สึกแรกที่ได้ยิน Don't Tell Me หลุดออกจากปากไมลีย์คือ "ร้องเพราะกว่าเจ๊อีกอ่ะ" แต่ก็ไม่ปล่อยให้คนดูคอยนาน อาเหมยก็กระดิกนิ้วเรียกอาม่าที่นั่งไขว่ห้างรอคิวอยู่ในแถวคนดูให้ลุกขึ้นมาสำแดงฤทธิ์ความเป็นควีนออฟพ็อพอย่างเร็วไว เคมีของทั้งสองเข้ากันได้ดีจนดูเหมือนสองคนนี้เป็นย่าหลานที่ร้องเพลงนี้ด้วยกันในปาร์ตี้หลังบ้านทุกวันเสาร์อาทิตย์จริงๆ ดูเป็นกันเอ๊งกันเองและเพลิดเพลินกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่กันมากๆ แถมไมลีย์ก็ดูเหมือนจะไม่มีความเกรงกลัวกับการร่วมแสดงกับศิลปินระดับมาดอนน่าเลย ส่วนมาดอนน่าในอายุปูนนี้แต่งตัวแนวคันทรี ผลลัพธ์นั้นรอดพ้นสภาพความใกล้เคียง Dolly Parton ไปอย่างหวุดหวิด ส่วนไมลีย์นั้นต้องขอเทคะแนนให้กับความน่ารักน่าชังทั้งหน้าตาทรงผมและเสื้อผ้า นึกถึงมาดอนน่าอายุเท่านี้นางยังสองมือถือชะลอมเข้าเมืองหลวงมาหางานทำอยู่เลยมั้ง
ถึงแม้ว่าโชว์นี้จะไม่ใช่โชว์ที่สะเด็ดสะเด่าทางด้านการร้องหรือดนตรีก็ไม่เลิศเลออะไร (ท่อนที่ต่างคนต่างร้อง พูดได้ว่า "พัง") แต่ทั้งคู่ก็แสดงออกมาอย่างสบายๆ ด้วยเคมีที่ตรงกันแบบสุดๆ แถม Star Power ของเหมยยังทำให้ Don't Tell Me กลับมามีคนพูดถึงอีกครั้ง สำหรับแฟนมาดอนน่าคนหนึ่งแค่นี้ก็ถือว่าโอแล้วแหละ