Sunday, December 15, 2013

Fruity Review #15: Beyonce Beyonce



Beyoncé
Beyoncé
6/10 

ขณะนับศพทหารสรุปยอดปลายปีว่าใครเกิด ใครดับในศึกชิงมงกุฎเพลงป็อปประจำปีนี้ยังไม่จบดี แต่แล้วก็ดั่งสายฟ้าฟาดเปรี้ยงใส่เหล่าดีว่าส์น้อยใหญ่จนเกิดความโกลาหลไปทั้งวงการ "Beyonce" อัลบั้มที่ 5 ของศิลปินหญิงนางเดียวที่แอบซุ่มอยู่มาทั้งปี วางแผงราวสายฟ้าแลบรวดเดียวทั้งอัลบั้ม 14 เพลง 17 เอ็มวี พร้อมๆกัน

ศุกร์ 13 ฝันหวานที่ผ่านมานั้นถ้าเป็น Freddy Kruegger คงเป็นเวอร์ชั่นที่หักมุมได้อย่างไร้เยื่อใยยิ่งกว่าหนังไมเคิล ฮาเนเก้เสียอีก หลายคนยังคงขยี้ตาดูไม่ต่างจากครั้งแรกที่เห็นว่า iTunes ประกาศวางแผงอัลบั้มใหม่ของบียอนเซ่โดยไม่มีการเตือนหรือยิงทีเซอร์ล่วงหน้าเหมือนดีว่าส์รายใหญ่คนอื่นๆ ที่ใช้วิธีนี้กันเสียจนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว เกิดอะไรขึ้น? ใครหมั่นไส้ในความเพอร์เฟกของนางจนคันไม้คันมือเอาอัลบั้มมาปล่อยหรือเปล่า ถึงได้ไม่มีแม้กระทั่ง "หน้าปก" หรือ "ชื่ออัลบั้ม" ? เปล่าเลย และหล่อนก็ไม่ได้เกิดอาการคุ้มคลั่งจากการเลี้ยงหนู Blue Ivy จนอยากจะหนีกลับมาทำเพลงต่อ ตลอดช่วงเวลาสั้นๆ ที่หายตัวไป หลายคนคงรู้สึกว่าในที่สุดบียอนเซ่นางได้อยู่อย่างเป็นสุขๆ กับเขาซักที แต่ไม่เลย เธอไปแอบซุ่มทำอัลบั้มที่เรียกได้ว่า "ส่วนตัวที่สุด" อัลบั้มนี้มาให้ฟังต่างหาก

อัลบั้มที่ไม่มีแม้แต่ชื่อและหน้าปกอัลบั้มนี้ ทดแทนด้วย 17 วีดีโอจากผู้กำกับดังๆ มากมายจนดูคล้ายกับองค์กรลับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Jonas Akerlund แห่งมาดอนน่า Hype Williams แห่งวงการฮิปฮอป หรือกระทั่ง Terry Richardson อันเป็นที่รักของมวลมหาประชาป็อปทั้งโลกก็มาร่วมซุ่มกำกับให้ด้วย 17 วีดีโอนี้อาจไม่ใช่แนวคิดใหม่ของแม่บี สำหรับแฟนเพลงที่ติดตามมาก่อนหน้านี้คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าบีมักจะมีเอ็มวีมากเกินความจำเป็นเสมอ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าชอบทำเอ็มวีเพลงที่ไม่ได้ตัดซิงเกิ้ลนั่นเอง เธอเผยคอนเซปว่าอยากจะถ่ายทอดภาพในหัวออกมาพร้อมกับบทเพลงในอัลบั้มไปพร้อมกันๆ จึงอยากจะเรียกมันว่า Visual Album อย่างไรก็ดีหากในนั่งเขียนถึงแต่ละเอ็มวีคงไม่ได้เขียนกันพอดี จึงขอใช้วิธีการแบบคลาสสิกในการรีวิวอัลบั้ม คือฟังอย่างเดียว ไปก่อนแล้วกัน

นอกจากกองทัพผู้กำกับมากมายแล้ว อัลบั้มแม่บียังคงรวมเอาโปรดิวเซอร์มือดีบนโลกมนุษย์มารวมกันอีกเช่นเคย แต่แนวเพลงกลับเรียกได้ว่าหวือหวาน้อยที่สุดเท่าที่เธอเคยทำมา และกล้าพูดได้ว่าเป็นอัลบั้มที่เรียกร้องความสนใจทางดนตรีน้อยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในปีนี้ เรียกว่าน้อย น้อยจนน่าตกใจ

บียอนเซ่เคยบอกกับผู้ชมในดีวีดีสารคดี Life Is But a Dream ของเธอว่า

"I have been too commercially successful ...It's something really stressful about having to keep up with that ...It's something crippling you can't express yourself and I don't want to have the same thing for ten more years."

ถ้าเกิดคำพูดเดียวกันนี้ออกจากปากคนอื่นเราคงเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ แต่สำหรับบียอนเซ่ที่ใครๆ ก็มั่นใจในความสามารถและความถึกของหล่อน ทำให้เรายอมรับคำพูดนี้ด้วยความเข้าใจ

เธอจึงต้องมั่นใจว่า แม้ว่าจะอยากเท่าไหร่ แต่การทำอัลบั้มที่ไม่ดึงดูดใจประชาชนนั้น ต้องมั่นใจก่อนว่ามีรากฐานที่มั่นคงไม่ให้ทุกอย่างล้มครืนลงมาและคนก็จะลืมเธอไปในที่สุด แต่สำหรับชั่วโมงบินของนางนี้ที่เทียบได้ว่านานที่สุดรองจากแค่ Janet Jackson และ Madonna เราคงไม่ต้องห่วงเท่าไหร่

แทร็กแรก Pretty Hurts กับข้อความที่ถูกบอกซ้ำครั้งที่ร้อยล้านเกี่ยวกับความสวยที่ต้องแลกมาด้วยความทรมานของเด็กสาว บอกเล่าด้วยเสียงของแม่บีกลับฟังดูมีน้ำหนักขึ้นเป็นพิเศษ แม้ว่าจะมีงาน instrumental พื้นๆก็ตาม Haunted น่าสนใจขึ้นอีกนิดด้วยการกึ่งร้องกึ่งพูด ตัวเพลงแบ่งออกเป็นช่วง interlude ตามสไตล์ Channel Orange ของ Frank Ocean ก่อนเปลี่ยนเป็นท่อนร้องเซ็กซี่ไม่แพ้ใคร

ไม่มีอัลบั้มไหนของบียอนเซ่ที่ไม่มีชื่อ Jay-Z สำหรับอัลบั้มนี้อยู่ในแทร็กจังหวะฮิปฮอป ชื่อว่า Drunk in Love (ถ้าจะเทียบ) คงเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดรวดราวของ Drunk on Love ของห่านอยู่ดี ส่วนของดีอยู่ที่ Blow ดิสโก้เนิบนาบ เหมือนมาร์ตินีราคาแพงรสชาติหวาน เนื้อหาออกจะทะลึ่งตึงตังเล็กน้อยพอเป็นพิธี ไม่แพ้กับ Partitions และ Rocket โซลหอมหวนเหมาะสำหรับการเป็นเพลง lap-dance พอประมือกับ Dance for You ได้เลย ร่วมถึงเพลงช้าที่เน้นเปียโนกับนักร้องก็มีดีอย่าง Heaven และ Blue ที่แน่นอนว่ามอบให้กับน้องบลูไอวี่นั่นเอง

ไม่มีเพลงที่เรียกได้เต็มปากว่าพลาด แต่อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเพลงที่เรียกว่า "ธรรมดาเกินไป" และผ่านหูไปอย่างรวดเร็ว นั่นคือสิ่งที่อัลบั้มนี้ไม่มีเหมือน "4" ที่แต่ละเพลงมีความโดดเด่นในตัวเองโดยที่ไม่ต้องใช้เวลา grow ในตัวคนฟัง โจทย์การทำอัลบั้มที่ไม่ต้องการเรียกร้องความสนใจ และอยากจะพูดถึงความรู้สึกของตัวเองโดยไม่มีการปิดกั้น ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนฟังไม่น้อย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟนเพลงของเธอและอยากฟังความจริงจากก้นบึ้งส่วนลึกในจิตใจ บางคนก็อยากได้เพลงเต้นๆ สนุกๆ ที่ร้องได้กับเพื่อนๆ หรือที่มีท่าเต้น iconic สุดๆ แบบ Single Ladies หรือการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทดลองของใหม่อย่าง Run the World ก็ไม่มีให้เห็นในอัลบั้มนี้



วีดีโอทั้งสิบเจ็ดเพลงมีความสำคัญมากกกกกกกก จนทำให้เพลงทั้งหมดนี้ฟังดูดีมีความหมาย หรือเรียกง่ายๆ ว่า "เต็มขี้น" ก็อยู่ที่วีดีโอทั้งนั้น แต่คงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่หากต้องให้คะแนนจากวีดีโอด้วย เอาเป็นว่ามันเรียกได้ว่า Visual Album เพราะว่าถ้าไม่มีวีดีโอมันจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อละกัน

สำหรับศิลปินหญิงที่ขึ้นชื่อเรื่องความเพอร์เฟกและไม่เคยหยุดทำงานคนนี้ นี่เป็นอัลบั้มที่ถ่ายทอดดนตรีที่มาจากตัวตนในฐานะศิลปินอย่างแท้จริง สำหรับคนฟังอย่างเรา แม้นี่จะเป็นอัลบั้มที่บอกตัวตนของบียอนเซ่ได้อย่างเจาะลึกที่สุด แต่ก็คงไม่ใช่อัลบั้มแรกที่จะแนะนำให้คนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนฟังอย่างแน่นอน...

No comments:

Post a Comment

About Me

My photo
my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect