Tuesday, June 18, 2013
Fruity Review #10: Disclosure - Settle
Disclosure
Settle
7.5/10
เห็นสองหนุ่มน้อยนั่งจุ้มปุ๊กกันอยู่อย่างนี้ มิใช่เด็กกะโปโลที่ไหนหรอกนะ เขาคือร่างในวัยเยาว์ของสองดีเจเจ้าของอัลบั้มที่จะพูดถึงในวันนี้ ใครจะรู้ไปรู้ว่าอีกไม่นานสองศรีพี่น้อง Guy and Howard Lawrence คู่นี้จะเติบใหญ่กลายอีกหนึ่งดีเจสุดล้ำนำเทรนด์ คลื่นลูกใหม่แห่งเกาะอังกฤษไปได้ แถมอายุอานามก็จัดได้ว่าเป็นรุ่นเล็กสุดที่ขึ้นไปเทียบชั้นกับรุ่นพี่ได้อย่างสบายโดยคนพี่อายุเพียง 21 ปีส่วน Howard คนน้องอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น แต่วิทยายุทธท่านช่างแก่กล้า แถมไม่ได้มีดีแค่พรสวรรค์ แต่รสนิยมเลิศล้ำกว่าใครในปฐพีเช่นกันเพราะสองหนุ่มเริ่มฝึกมือมากับอีพีสไตล์ Acid House สุดแซ่บที่ทะยอยปล่อยมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว และแทร็คเหล่านั้นก็ได้มารวมอยู่ในอัลบั้มเต็มชิ้นแรกนามว่า Settle ที่มีซิงเกิ้ลท็อปฮิตติดชาร์ทในอังกฤษอยู่ขณะนี้อย่าง White Noise อีกด้วย
ตอนแรกเทียบจากช่วงเวลาในการ release อัลบั้มก็คิดว่า Settle จะออกมาเป็นอัลบั้มน้องชายคลานตามกันมากับ Home ของ Rudimental ด้วยแนวเพลงที่ใกล้เคียงกัน รวมไปถึงโครงสร้างอัลบั้มที่ศิลปินทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์แล้วทำพิธีอันเชิญดวงวิญญาณนักร้องจากทั่วแห่งหนมาสิงสถิตในอัลบั้มเอา แต่เมื่อฟังดูจริงๆ Settle แตกต่างออกไปจากพี่ชายมาก อนึ่งด้วย Settle มิใช่อัลบั้มว่าด้วยป็อปเป็นหลักแต่ยึดหลัก Acid House ซึ่งคาดว่าตอนที่ genre นี้กำลังบูมอยู่ในชิคาโกสมัยต้นยุค 90s คุณน้องทั้งสองยังอยู่ในครรภ์มารดาอยู่เลยด้วยซ้ำ เทียบกับ Home ที่ดูดเอาทุกแนวมารวมกันราวกับหลุมดำกลืนดาราจักรแล้ว สองอัลบั้มนี้มิมีทางคล้ายคลึงกันทางพันธุกรรมแน่นอน เพราะฉะนั้นพี่ชายที่พลัดพรากตัวจริงคาดว่าจะเป็นแก๊งค์ตุ๊ด Hercules and Love Affair หรือ Azari & III ซะมากกว่า
แค่อินโทรก็ไ่ม่ธรรมดาซะแล้วเพราะเขาไปเอาคำเทศนาของบาทหลวงมารีมิกซ์ หนึ่ง สอง หนึ่ง สอง ก่อนจะโยงเข้าสู่เพลงแรก When the Fire Starts to Burn อย่างแนบเนียน มาถึง F for You ชื่อเพลงก็แซ่บชนะแล้ว ยังมั่นคงอยู่กับเฮาส์ย้อนยุค หนักแน่นด้วยเบสตึ๊ดตลอดเพลง ส่วน F ในที่นี้เขาย่อมาจาก Fool นะอย่าเพิ่งเข้าใจผิด สำหรับท่อนร้องคุณน้องก็ลงทุนร้องเองเลยนะ แต่เอ๊ะ ทำไมยิ่งฟังยิ่งคิดถึง Azari & III พี่สาวเธอจัง ต่อมาคือ White Noise ที่เปรี้ยวจัดด้วยเสียงดัดจริตของ AlunaGeorge เหมาะมากสำหรับสาวๆ แต่งตัวสวยๆ เดินเข้าผับตอนที่หล่อนยังมีสติสตังค์กันอยู่ Defeated No More แทร็คยาวเหยียดฟังไปเพลินจนเริ่มได้ยินเสียงคนร้องเท่านั้นแหละรีบควานหาทันทีปรากฎว่าเสียงสุดเซ็กซี่นั่นคือเสียงพี่ Ed Macfarlane นักร้องนำแห่ง Friendly Fires นั่นเอง กรี๊ดด!! แขกรับเชิญเด็ดๆ ยังมีอีกมากมายเช่น Jamie Woon ก็มาให้เห็นใน January ใครรอผลงานตัวใหม่ของหนุ่มคนนี้อยู่ก็มาฟังแก้ขัดก่อน และได้ Eliza Dolittle มากับเพลง You & Me ซิงเกิ้ลที่สองตัวเพลงไม่เชยเหมือนชื่อเพราะเป็นคลับแทร็กที่เต้นสนุกกว่าใครเลย Sinead Harnett โดดจากอัลบั้มของสี่หนุ่ม Rudimental มาร้องให้ใน Boiling แต่ที่น่าสนใจสุดคือ Help Me Lose My Mind เคล้าไปกับเสียงร้องของ London Grammar ที่ก้องกังวานไม่แพ้เสียงยัยแม่มด Florence Welch หรือ Enya เลย ประกอบกับดนตรีเรียบง่ายแต่สวยงาม หรูหรา ฟังสบายหลับตาไปเห็นนางแบบบนรันเวย์เดินจิกหน้าถือกระเป๋าปราด้ามาเป็นแถว
ว่าถึงเพลงดีๆ ไปแล้วเพลงผิดหวังก็มีอยู่ไม่น้อย แขกรับเชิญที่น่าจะเป็นคนที่จะได้รับการจับตามองที่สุดอย่าง Jessie Ware กลับถูกกลื่นหายไปกับแทร็ก Confess to Me ไปแบบไม่มีใครสังเกตเลย ส่วนบางเพลงในอัลบั้มอาจจะไม่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดฟังแนวเฮาส์ เพราะ Settle เน้นดึงความ traditional ของดนตรีแนวนี้ของยุคนี้ออกมาคารวะอย่างครบถ้วน ทำให้บางเพลงอาจจะยาวเกินไปหรือราบเรียบไปบ้างนั่นเพราะว่าเขาไม่ได้ผสมความป็อปลงไปเลยนั่นเอง
ผลงานชิ้นนี้เหมาะสำหรับนักฟังเพลงที่เริ่มฝักใฝ่สนใจผลงานของคลื่นลูกใหม่ในอังกฤษ ที่มีความสวยงาม หรูหรา ฟังได้อย่างสนุกสนานแม้จะไม่ได้ตึ๊ดมากก็ตามหากเทียบกับอัลบั้มแดนซ์ทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง David Guetta หรืออื่นๆ ถึงแม้จะทำออกมาได้อย่างสะดีดสะดิ้งแบบสุดๆ แต่ถ้าจะฟังให้ดีก็ต้องอาศัยความละเลียดประณีตในการเสพย์อยู่มากเลยทีเดียว และการที่เพลงแนวนี้มักขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งยูเคกันไม่ซ้ำหน้านั้นแสดงถึงรสนิยมที่ "เหนือกว่า" ของคนประเทศนี้ ว่าไหม?
Like This? Try These: Azarii & III, Hercules and Love Affair, Jamie Woon, Rudimental
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Blog Archive
About Me
- Harmish Muszid
- my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect
No comments:
Post a Comment