Tuesday, February 26, 2013

เรามาเล่นเกมส์ทายอายุกันดีกว่านักเรียน

นักเรียนคิดว่านังคนที่ยืนเกาะขอบหน้าต่างอี๋อ๋อกับผู้ชายใน Call Me Maybe อายุเท่าไหร่???

16? ผิดจ้ะ หรือต่ำกว่านั้นก็ผิดอีกแหละ เพราะอายุจริงของ Carly Rae Jepsen คือ 27 ปีจ้ะ เกิดปี 1985 ไม่ต้องตกใจเพราะนางแก่กว่าอเดลเพียงสองปีเท่านั้นเอง ปล่าว ไม่ได้ว่าอะไร ไม่มีอะไรผิดกับการที่คนเราจะอายุยี่สิบเจ็ด แต่แค่จะบอกว่าโลกนี้อะไรที่เห็นมันไม่ใช่อะไรที่เป็นเสมอไป เพราะฉะนั้นการพยายามปรักปรำนางว่าเป็นเด็กแก่แดด (อย่างที่เจ้าของบล็อกชอบทำบ่อยๆ) นั้นถือว่ามีความผิดโทษฐานชอบสู่รู้ไปเอง เพราะพฤติกรรมที่เห็นนั้นอันที่จริงคือถูกต้องสมวัยแล้ว อะไรๆ ที่ทำให้เผลอไผล assume ไปว่านางเป็นสาวแรกแย้มนั้นมีหลายประการคืออย่างแรก ลุ๊คในอัลบั้ม Kiss นั้นแบ๊วเกินคาดว่าจะมีสาว 27 หน้าไหนแอ๊บเป็นชะนีวัยใสได้สะดีดสะดิ้งได้ขนาดนี้ บวกกับหน้าตาและผมม้าที่ตบตาประชาชีได้อย่าแนบเนียน รวมไปทั้งการแอ๊บเข้ารู้จักมักจี่สนิทสนมกับเด็กจัสติน บีเบอร์อย่างออกหน้าออกตายิ่งทำให้สับสนกันเข้าไปใหญ่

จึงจะขอเปิดโปงกันไปเลยในวันนี้ว่าสาว Carly Rae Jepsen นั้นไม่ได้ดูสวยใสวัยเดียวกันกับแฟนเพลงอย่างที่หลายคนคิด เพราะอันที่จริงนางเป็นชะนีสู้ชีวิตที่อาศัยดังด้วยการไป audition ในรายการ Canadian Idol ตั้งหลายครั้งหลายครา ใครอยากให้เห็นใบหน้าสมัยนั้นก็ลองดู ขนาดกรรมการยังแขวะเธอว่า "สรุปหล่อนอายุ 21 หรือ 14 กันแน่จ๊ะ?" จนได้มาออกเทปเป็นที่รู้จักในอัลบั้ม Tug of War ในชื่อ Carly Jepsen ในปี 2008 ที่มีเพลงเพราะเกิดคาดอย่าง Sunshine on My Shoulders รวมอยู่ด้วย และด้วยความสดใสติ๊งต๊องของเธอจึงส่งให้ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงในอเมริกาจนโด่งดังไปทั่วโลกอย่างที่เห็น



ส่วนเพลงที่เห็นด้านบนคือความพยายามล่าสุดที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า ชั้นไม่ใช่ One-Hit-Wonder นะยะ แม้ว่า This Kiss ซิงเกิ้ลก่อนหน้าจะถูกส่งเข้าไปตายแน่นิ่งอยู่ในบิลบอร์ดชาร์ตก็ตาม แนะนำนิดนึงละกันนะ ตอนนี้ในตลาดเพลงป็อป ถ้าจะเอาแบบป็อปบับเบิ้ลกัมชูการ์บันนี่ก็มีเธอคนเดียวนี่แหละจ้ะ เขากำลังต้องการศิลปินแบบเธอกันมาก อย่ามัวเสียเวลาทำท่อนฮุคอิเลคโทรนิคสุดจำเจเข้าไปรวมกับเพลงอื่นอีกห้าหมื่นล้านตอนนี้เลย Tonight I'm Getting Over You นี่ฟังยังไงก็ไม่ติดหูจริง หันไปปล่อย EP Curiosity ที่รอมาเจ็ดชาติเศษมาให้ฟังกันจะดีกว่านะจ๊ะหนู เอ้ย! พี่

Monday, February 4, 2013

Beyonce nails it in Halftime Show!!



แม้กระแสจะดังไม่เปรี้ยงปร้างไม่เท่าอีเจ๊แม่มาดอนน่าเมื่อปีก่อน แต่โชว์คั่นเวลา Superbowl ของสาวบีที่ถ่ายทอดสดให้คนดูกว่าร้อยล้านคนทั่วอเมริกาไปเมื่อเช้านี้นั้นถือว่ารักษาความเป๊ะตามมาตรฐานชะนีเบอร์หนึ่งของวงการได้อย่างไม่มีที่ติ คล้ายจะลบคำสบประมาทข้อหาลิปซิงค์เพลงชาติให้เป็นที่อับอายเมื่ออาทิตย์ก่อน ครั้งนี้คุณนายบีชัดเจน จัดเต็มร้องสดชนิดไม่มีแม้กระทั่งแบ็กกิ้งแทร็ค ทั้งร้องทั้งเต้นอย่างบ้าพลัง แถมยังยกก๊วนเพื่อนสาว Destiny's Child มาร่วมวงคืนสู่เหย้าตามสัญญาด้วย งานนี้คุณผู้กำกับ Hamish Hamilton แห่งเวที Victoria's Secret คนเดียวกับที่เคยกำกับโชว์ซูเปอร์โบว์ของเจ๊แม่เมื่อปีที่แล้วได้เนรมิตสนาม Superdome ให้เป็นเวทีรูปหน้าคนขนาดยักษ์พร้อมแสงสีเสียงครบมือ เห็นชื่อเฮียแกมาทีไรเตรียมตัวเตรียมใจกันแทบไม่ทัน ช่างเป็น 12 นาทีที่สั้นเพียงอึดใจ

คุณนายคาร์เตอร์ขนเอาเพลงฮิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมารวมเข้าไว้ โดยเปิดตัวด้วยสองสามประโยคจาก Love on Top บนแท่นไฮโดรลิก ก่อนจะนำเข้า Crazy In Love เพลงฮิตตลอดกาล แม้จะเป็นบล็อกกิ้งเดิมแต่ก็เฟียซขึ้นทั้งหน้าตาและท่าเต้น แถมให้เล็กๆ กับท่อนกีตาร์พ่นไฟของ Bibi Mcgill มือกีตาร์หัวหยอยประจำวงทัวร์ของเธอ ต่อด้วย End of Time หนักหน่วงด้วยเครื่องเป่าและเพอร์กัสชั่นควบคู่ไปกับท่าเต้นแสนเก๋ที่เคยสร้างความมันส์ในงาน Glastonbury มาแล้ว ตามด้วย Naughty Girl เข้าใจเลือกเพลงที่เข้ากับเพลงก่อนหน้าได้อย่างลงตัว คราวนี้อีเจ๊บีขอใช้ท่าไม้ตายวิชาแยกร่างในตำนาน ที่กลับมาคราวนี้แอบมีทริ๊กเอาคนจริงมาเนียนเข้ากับจอแอลซีดีด้านหลังทำให้ดูมีมิติมากขึ้น สร้างสรรค์อย่าบอกใคร แต่เสียอย่างเดียวอีเจ๊แล้วคนข้างหลังจออีกครึ่งสนามเค้าจะดูอะไรจ๊ะ ต่อไปอย่างไม่รีรอเมื่ออินโทร Bootylicious ดังขึ้นสองสาว Destiny's (other) Child ก็ถูกดีดขึ้นจากใต้เวที แม้มิเชลนางจะดูมีปัญหากับการแลนดิ้งเล็กน้อย แต่ทั้งสองก็ยังคงจิกหน้าสู้คนอย่างไม่หยุดยั้ง การรวมตัวกันของ Spice Girls เมื่อปีที่แล้วสร้างความตื่นเต้นให้แก่คนอังกฤษอย่างไร การกลับมาของ Destiny's Child ก็สร้างความตื้นตันใจต่ออเมริกันชนฉันนั้น โดยเฉพาะเพลงบังคับ Single Ladies ที่แอบรอชมสามคนเล่นเพลงนี้มานานแล้ว สำหรับเพลงสุดท้ายบีบอกลาสองสาวแล้วปิดฉากด้วย Halo แสงสีฟ้าสาดส่องไปทั่วสนามกับเพลงความหมายดีที่ชวนให้คนดูได้ไปพร้อมกัน

เนื่องจากการแสดงของบียอนเซ่ในแต่ละครั้งนั้นเราแทบจะไม่เคยเห็นอะไรที่ผิดพลาดเลย ทำให้เราไม่ค่อยใส่ใจลุ้นว่ามันจะรอดไม่รอดเท่าไหร่ คำว่าผิดหวังนั้นช่างห่างไกลเหลือเกิน เพราะฉะนั้นการพูดถึงโชว์ของบีจะต้องตัดมาตรฐานของมนุษย์มะนาปกติเขาออกไปก่อน เรื่องร้องเต้นไม่เคยเป็นปัญหา เพราะนางเก็บหมดทุกเม็ดไม่มีตกหล่น จะมีให้บ่นอยู่อย่างคือเรื่องภาพรวมนั้นยังดูไม่ฉูดฉาดเท่าไหร่นัก คล้ายจะเน้นความแข็งแรงจัดจนเกินไป จนดูลืมให้ความสำคัญกับความสวยงามเท่าที่ควร ทั้งฉากต่างๆ ที่เน้นสีดำ เสื้อผ้าที่ตัดจากแพทเทิร์นคล้ายๆกัน ทำให้แยกไม่ออกเท่าไหร่ว่าคนไหน เคลลี่ คนไหนมิเชล คนไหนแดนเซอร์ อีกทั้งหลายๆ อย่างที่เราเห็นก็เป็นสิ่งที่เราเคยเห็นมาแล้วจากเวทีอื่นๆ แต่อย่างไรก็ดีข้อเสียเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้โชว์ไม่สนุกแต่อย่างไร เพราะความตื่นตาตื่นใจที่แท้จริงนั้นคือความสามารถของผู้หญิงคนนี้ต่างหาก

พูดถึงโชว์ Superbowl นับวันยิ่งจริงจังขึ้นทุกที นึกถึงสมัยก่อนอย่างตอน Prince เมื่อปี 2007 ก็ไม่ได้อะไรมากแต่มันส์สะใจไม่แพ้กัน สมัยนี้ต้องมีทั้งภาพ แสง สี เสียง เกินกว่าการแสดงขั้นเวลาฟุตบอลธรรมดาซะแล้ว ที่สำคัญการมีดีว่าขึ้นแสดงสองปีติดนั้นทำให้เราแอบหนักใจแทนปีต่อไปว่าจะเอาใครมาแสดงดี หรือนี่จะกลายเป็นธรรมเนียมใหม่ให้ดีว่านางใหญ่ๆ มาประชันกันซะแล้ว...

Friday, February 1, 2013

Video of the Month : January : Zedd ft. Foxes - Clarity


(เพื่ออรรถรสในการรับชมถึงขีดสุด กรุณาเปิดระบบ HD + Full Screen ก่อนทุกครั้ง)

Video of the Month: January
Clarity
Artist: Zedd
Director: Jonathan Desbiens (Jodeb)

จบสิ้นเดือนแรกแห่งปีใหม่ลงไปอย่างรวดเร็ว หวังว่าเดือนมกราคมคงให้สิ่งแต่สิ่งดีๆ และความหวังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปจนครบปีนะครับ :) สำหรับวันนี้เรากลับมาพร้อมกับรายการโพสต์ใหม่ Video of the Month (ขออภัยยังคิดชื่อที่เก๋กว่านี้ไม่ได้) ที่เราจะมาค้นฟ้าคว้าดาวดวงเด่นแห่งวงการเพลงด้วยการเลือกเพียงหนึ่งเอ็มวีที่ชอบที่สุดประจำเดือนนั้นๆ มาพูดถึงกัน โดยเกณฑ์ในการคัดเลือกนั้นก็คือ ความชอบ และความชอบเท่านั้นๆ ง่ายๆ คือเอารสนิยมคนเขียนเป็นหลัก ลำเอียงให้เห็นกันชัดๆไปเลย ...แต่เชื่อสิ อุตส่าห์นั่งดูเอ็มวีจนตาฉ่ำตาแฉะมาทั้งเดือน ถ้าไม่ถูกใจก็เอาสากกะเบือมาทุบหัวเราได้เลย

สำหรับตำแหน่ง VoM (Video of the Month) ตัวแรกของปีนี้ตกเป็นของซิงเกิ้ลที่สี่ของดีเจหนุ่มเยอรมัน ที่มีชื่อตามพยัญชนะตัวสุดท้ายของภาษาอังกฤษว่า Zedd  ที่ฝากผลงานอัลบั้ม Clarity ไว้ให้เมื่อเดือนตุลาที่แล้ว หากใครยังไม่ค่อยคุ้นก็คือเจ้าของเพลง Spectrum ที่ขึ้นอันดับหนึ่งบิลบอร์ดแดนซ์ชาร์ทเมื่อตอนปีใหม่นี่แหละ ถ้ายังไม่รู้จักอีก ให้จำง่ายๆว่าคือไอ้หนุ่มที่ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มใหม่ให้เลดี้ กาก้าที่จะออกในเวลาอันใกล้นี้ สืบเนื่องมาจากกว่าข้าพเจ้านั่นโปรดปราน Spectrum ซิงเกิ้ลก่อนหน้าจนเกิดอาการคลุ้มคลั่งทุกครั้งที่ได้ยินในที่สาธารณะ ทำให้เพลงอื่นในอัลบั้มถูกลดสถานะลงไปเป็นลูกเมียน้อยทันที แต่เมื่อเอ็มวีเพลงนี้มาถึงทุกอย่างในโลกจึงกลับตาลปัตร เพราะมันช่างสวยสดงดงามเสียอะไรเช่นนี้! มหกรรมการขุดอินเตอร์เน็ตตามล่าหาต้นตอของความเก๋จึงเริ่มต้นขึ้น

Clarity เป็นผลงานชิ้นล่าสุดของผู้กำกับชาวแคนาดานามว่า Jonathan Desbiens มีชื่อเล่นในวงการสั้นๆว่า Jodeb ภายใต้บริษัท Vision ผลงานของคุณ Jodeb นั้นไม่ใช่เด็กๆเลย ผลงานกราฟฟิก กำกับ ตัดต่อ สตอรี่ไลน์ที่เห็นทั้งหมดนั้นคือฝีมือของเขาคนนี้ทั้งสิั้น! หากขาดคุณคนนี้ Clarity คงจะเป็นเพียงเอ็มวีเชยๆ อันว่าด้วยการหากันจนเจอ ของสาวนักร้องตาโตกับหนุ่มฮิปสเตอร์อันเดอร์คัท ในเมืองลอสเอลลิสที่เราเคยเห็นมาสองหมื่นกว่ารอบแล้ว แต่พระเอกตัวจริงที่ฟาดคะแนน 10 10 10 ให้เอ็มวีนี้คือกราฟฟิกและฟุตเตจ เหล่านี้ต่างหาก! เพราะนอกจากมันจะเป็นเท่ห์เกินบรรยายแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่รถสองคันชนกัน ภาพสรรพสิ่งต่างๆ พุ่งเข้าชนกันอย่างรุนแรง พรั่งพรูเข้าสู่นัยน์ตาของคนดูอย่างไม่รีรอ เป็นการปะทะกันของความหมายเชิงสัญลักษณ์ให้เราได้รับรู้ถึงความรู้สึกภายในของตัวละครว่ามันร้อนแรง สับสน และบ้าคลั่งไม่แพ้จังหวะโพรเกรสซีฟเฮาส์ในเพลงนี้เลย บวกให้อีกหนึ่งแต้มสำหรับการเลือกโลเคชั่นอย่างชาญฉลาดที่ไม่ต้องถ่อไปถึงตะวันออกกลางก็ได้ภาพทะเลทรายสวยๆ ของทะเลทราย Dumont Dunes ของดีจังหวัด Los Angeles มาโฆษณาในตัวด้วยละเออ

คนรสนิยมดีอย่างเราๆ ไม่ได้คาดหวังจะดูเอ็มวีประมาณปาน ธนพรที่จะต้องมีพล็อตจิกหัวตบล้างน้ำ หรืออะไรที่มันซับซ้อนไปกว่านั้น เราต้องการแค่ Visual Ecstasy ขนาดกระทัดรัด เราเน้นสวยไว้ก่อน และหน้าที่ของเอ็มวีซักตัวคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการช่วยเสริมให้เพลงๆหนึ่งมันน่าฟังมากขึ้น เพราะฉะนั้น Clarity จึงตอบโจทย์ได้อย่างดีโดยมีการวางพล็อตหลวมๆ กันหลับพร้อมใส่กราฟฟิกเด็ดๆ ไขว้ไปไขว้มาตั้งแต่ต้นจนจบ วางแผนมาดีแบบนี้ไม่แปลกที่ลำดับ Billboard/Dance ถึงได้ไต่เอาไต่เอาจนถึงลำดับสี่ซะแล้วในสัปดาห์นี้ คิดว่าปีนี้คงมีผลงานของนาย Jodeb  มาให้เห็นอีกแน่นอน

ส่วนใครที่โปรดปรานเอ็มวีนี้แนะนำให้ลองชมลองชิมผลงานก่อนหน้าของผู้กำกับคนนี้กันดู 

Porter Robinson - Language
Cypress Hill X Rusko - Roll It, Light It

About Me

My photo
my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect