Monday, July 16, 2012
Premiere: No Doubt - Settle Down
เห็นรถสิบล้อแถวพระประแดงมาประชุมกันมากมายขนาดนี้ หาใช่ม็อบราคาข้าวแต่อย่างใด แต่มันคือเอ็มวี Settle Down เพลงใหม่ต้อนรับการกลับมาหลังจากหายหน้าไปตั้งสิบปีของ No Doubt ที่เพิ่งพรีเมียร์ไปทาง E! Entertainment เมื่อคืนวานนี้เอง การกลับมาครั้งนี้ทำให้ No Doubt กลายเป็นอีกวงหนึ่งในไม่กี่วงจากยุค 90s ที่อยู่ยั้งยืนยงมาได้ถึงยี่สิบปี! และยังเป็นหนึ่งในวงที่มีแฟนเพลงมากที่สุดวงหนึ่งอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสิ้นสุดการรอคอยแต่ยังพ่วงมาด้วยความคาดหวังสูงเสียดฟ้าของบรรดาแฟนเพลงอีกด้วย
Settle Down เลือกเปิดตัวด้วยอินโทรนวยนาดคลอเสียง นองแนงๆ เหมือนจะดูหนังตะลุงในบรรยากาศบอลลีวู้ดเล็กๆ สาวเกวนเธอก็ขยันสรรหาของแขกๆ จีนๆ ที่เธอรักมาผสมโรงได้ไม่ขาด จากนั้นก็เปิดจังหวะกึ่งเร็กเก้ กึ่งป็อปสนุกสนาน ทำเอางานเก่าเมื่อชาติที่แล้วอย่าง Hey Baby ผุดออกมาอย่างรวดเร็ว และท่อนคอรัส get get get in line and settle down ที่ได้ยินครั้งเดียวก็ก้องอยู่ในหัวเป็นชั่วโมง ถือว่าทำสำเร็จในฐานะเพลงป็อปเพลงหนึ่งที่ต้องการจับผู้ฟังให้อยู่หมัด จึงดูมีศักดิ์ศรีสมน้ำสมเนื้อกับการเป็นซิงเกิ้ลเปิดอัลบั้ม แต่ซาวน์แปลกใหม่ที่เลือกมาสร้างสีสันนั้นยังไม่กลืนเข้ากับเนื้อเดิมของ No Doubt ได้แนบเนียนนัก แลจะดูจับแพะชนแกะกันอลหม่าน ส่วนเอ็มวีก็สีสันฉูดฉาดพอกัน ด้วยฝีมือผู้กำกับ Sophie Muller ที่จับเอารถบรรทุกประจำตัวของทั้งสี่นางมาพบกัน นัยว่าเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งพร้อมขนความมันส์มาเต็มกระบะ แม้หนุ่มๆ อาจดูชราภาพลงไปตามการเวลา มีแต่เจ๊เกวนเนี่ยแหละที่เอาแต่สาวขึ้นๆ เป็นที่พิศวงของผู้พบเห็น... จนกระทั่งทั้งสี่ขนพรรคพวกมาเต้นแร้งเต้นกาจนหนำใจก็ปล่อย outro นวยนาดออกไปอย่างสวยงาม
ถ้าพูดกันตามตรง คิดว่าอนาคตซิงเกิ้ลยังลุ่มๆ ดอนๆ เพราะแม้จะฟังออกป็อปแต่ก็ไม่ใช่ประเภทที่วัยรุ่นชาวบ้านร้านตลาดเขาฟังกัน ด้วยพลังของเกวนคนเดียวก็ยังยากจะสู้กับคนอื่นในคลื่นวิทยุได้ (แต่ยังมีใครคิดจะหาเพลงดีๆ ฟังตามวิทยุอีกเหรอ) และสำหรับบรรดาแฟนเพลงก็ไม่ถึงขั้นปลาบปลื้มปาดน้ำตากับซิงเกิ้ลนี้ เพราะมันคือการเดินหน้าต่อหลังจากอัลบั้ม Rock Steady ไม่ใช่การกลับไปทำสกาพังค์ประเภทล้างผลาญเหมือน Tragic Kingdom ที่ใฝ่ฝันหา แต่โดยส่วนตัวแล้ว Settle Down เป็นซิงเกิ้ลสนุกๆ ที่สมน้ำสมเนื้อกับการเปิดตัวอัลบั้มใหม่และถูกใจกับการแสดงออกพันธุ์บ้าดีเดือดแต่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมนุ่มลึกขึ้น
Love this? Try these: Santogold, Nelly Furtado,
Premiere: Madonna - Turn Up the Radio
วันนี้ยอมสละละทิ้งทุกอย่างมานั่งรอดูพรีเมียร์ Turn Up The Radio ของเจ๊แม่ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ด้วยหวังว่าจะไม่ต้องด่ากราดเหมือนตอนรีวิวอัลบั้มครั้งก่อน เพราะเมื่อตอนได้ข่าวว่าเธอจะแวะถ่ายเอ็มวีระหว่างทัวร์ก็หวั่นจะออกมาสุกเอาเผากินแบบเอ็มวี Miles Away อีกรึเปล่า แต่แล้วก็ราวกับความฝันก็เป็นจริงเมื่อได้เห็นชีวิตชีวาของอีป้าฆ่าไม่ตายนางนี้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความไฉไลสนุกสนานในแบบฉบับที่เราคุ้นเคย
เอ็มวีเปิดฉากด้วยชีวิตรันทดของคุณเจ๊แม่ที่พะอืดพะอมกับชื่อเสียงและกองทัพปาปารัสซี่ ผลพวงของการเป็นเดอะควีนประหนึ่่งอีกสิบห้านาทีจะขาดใจตาย จึงตัดสินใจสั่งพลขับคู่ใจพารถคาดิลแลคเปิดประทุนคันโก้ออกไป Take a ride พาไปปล่อยแก่ซักที ป้าจึงยอมลงทุนหน้าดำกรำแดดยามบ่ายเมืองฟลอเรนซ์ เพื่อไปออกเริงร่าเขย่าเต้าอย่างสุดเหวี่ยงกับแก๊งค์ชายไม่จริงหญิงแท้ที่เก็บเล็กผสมน้อยเรื่อยมาตามทางและกองทัพแฟนเพลงที่ยอมวิ่งมาราธอนตามอีป้ากันอย่างหน้ามืดตามัว นั่งรถเล่นตากแดดกันจนสุกงอมได้ที่ จู่ๆ ก็ไม่พอใจพ่อหนุ่มคนขับก็จับเปลื้องผ้าโยนออกนอกรถกันอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะปิดฉากเสร็จพิธีด้วยโควเทชั่นภาษาอิตาเลี่ยนเก๋ๆ ที่ใครทราบว่าแปลว่าอะไรช่วยบอกที ?
ลูกเล่นการตัดต่อภาพและเพลงมีส่วนที่ทำให้ซิงเกิ้ลนี้น่าฟังขึ้นมาก บวกกับการที่เอ็มวีทำออกมาได้ตรงไปตรงมาชนิดกางเนื้อร้องแล้วผลิตภาพตามแบบครบทุกเม็ด ทำให้ดูง่าย เข้าใจง่าย ไม่คิดมาก นึกไม่ออกว่ามาดอนน่าทำเพลงเนื้อหาแนวปล่อยใจฝันแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ จะให้นึกก็คงต้องย้อนกลับไปถึงยุค Holiday หรือ Into The Groove นู้น ซึ่งก็คงไม่แปลกที่แฟนเพลงรู้สึกแปลกใจและตื้นตันเล็กๆ ที่ได้มาดอนน่าผู้ร่าเริงกลับมาอีกครั้ง
Thursday, July 12, 2012
3 Next Best Songs
ขอสารภาพว่าตอนได้ยินเพลงนี้ในวิทยุครั้งแรก ก็มิวายต้องวิ่งแจ้นไปหาชื่อศิลปินอย่างด่วน แต่กลับไม่พบชื่อนายคนนี้อยู่ในสารบบในสมองแต่อย่างใด ก็อย่างว่าตามประสาเด็กโลกที่สามทั่วไป X Factor อะไรก็ไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่เลยพลาดลุ้นไปอย่างน่าเสียดาย และตั้งแต่ตกรอบก็หายไปตั้งแต่ปี 2010 มาตอนนี้น้อง Aiden Grimshaw ก็เปิดตัวโปรโมตซิงเกิ้ลใหม่ Curtain Call ที่จะรวมอยู่ในอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อว่า Misty Eye ที่วางแผงกลางเดือนสิงหานี้จึงจะได้เห็นหน้าค่าตากันอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงแบบนิ่มๆ กับโปรดักชั่นที่ไม่หวือหวามากมายแต่กลับฟังเพลินอย่างเหลือเชื่อ ทำให้พลางนึกไปถึง Jamie Woon อีกหนึ่งหนุ่มอังกฤษที่ชนะใจให้โล่ไปเมื่อปีที่แล้ว Aiden ทำเราคาดไม่ถึงว่านี่คือผลผลิตจากเวทีประกวด ที่มักจะเน้นผลิตป็อปสตาร์เสียงดีแสดงได้ แล้วเว้นที่โปรดักชั่นไว้ให้ทีมงานจัดการ แต่งานของ Grimshaw น่าสนใจตรงที่เขาเลือกที่จะไม่ตามสูตรสำเร็จใดๆ ทั้งสิ้น
อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าแฟนเพลงสายร็อคนั้นปากจัดช่างวิจารณ์กว่าสายป็อปมาก วงส่วนใหญ่ก็เลยเลือก play safe ทำเพลงหงอยๆ เอาใจแฟนเพลงกันไป แต่ไม่ใช่สำหรับ The Killers ที่ดูท่าทางในอัลบั้มใหม่นี้จะมีวิวัฒนาการก้าวล้ำกล้าเสี่ยงขึ้นมาก หลังจาที่กอัลบั้ม Day & Age เมื่อสี่ปีก่อนถูกวิจารณ์ว่าจะเป็นป็อปแดนซ์ไปซะแล้วหรือไง การแก้มือครั้งใหม่ในเพลง Runaways นั้น The Killers จึงเลือกเหยาะกลิ่นอายร็อคแอนด์โรลจากยุค 80s อย่าง Springsteen เข้ามาในท่อนคอรัส ร่วมไปถึงการดึงเอาเนื้อเพลงเกี่ยวกับความโรแมนติกของวัยรุ่นหนีไปใช้ชีวิตอิสระนอกบ้านที่ถูกผลิตซ้ำอย่างหนักเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วมาใช้ สำหรับผมแล้ว เราคงคาดหวังจะฟังอัลบั้มแบบ Sam's Town หรือ Hot Fuss อยู่ตลอดก็คงไม่ได้ และยังไงเสีย เสียงของ Brandon Flowers ก็ยังคงเป็นเสน่ห์ประจำวงที่ใครๆ ก็คิดถึงอยู่เสมอ งานนี้จะพลาดท่าซ้ำสองรึเปล่าต้องคอยลุ้นกัน
Hanging On - Ellie Goulding :
กว่าวิทยุอเมริกาจะรู้จักเปิดซิงเกิ้ลอย่าง Lights ที่ชาวบ้านเขาฟังกันไปตั้งสองปี Ellie Goulding ก็เตรียมโปรโมทอัลบั้มใหม่แล้ว นี่ถ้าไม่ได้งานรีมิกซ์เพลง High For This ของ The Weeknd ที่นางลงทุนรีมิกซ์เองกับมือไปฟังก็คงไม่มีสิทธิ์ได้ไต่บิลบอร์ดชาร์ทแน่ๆ สำหรับในเพลงใหม่ Hanging On นี้ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเสียงสุดแสนจะมหัศจรรย์ของเธอ ที่ถึงแม้จะผ่านการ Auto-Tune มาอย่างหนักแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างเหนือชั้นชนิดที่ว่าถ้าจะหาใครมาเทียบกับชั้นกับ Bjork ก็คงไม่ถือว่าข้ามขั้นเกินไปนัก (ถ้าไม่นับเสียงครวญโคตรอลังการของยัย Florence Welch) อย่างไรก็ตาม ติดใจอยู่อย่างเดียว ต้นสังกัดบังคับรึไง? หล่อนใส่ Tinie Tempah มาแร็พทำไมมิทราบ?!!!!
Monday, July 9, 2012
I DON'T WANT TO LIVE ON THIS PLANET ANYMORE
ข่าวด่วน!! รู้กันรึยัง ไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงป็อปเนี่ยเขานิยมการละเมิดสิทธิ์เลียนแบบเสื้อผ้าของ มหาเทพจัสติน บีเบอร์นะ คิดเองไม่เป็นรึไง บีเบอร์เท่านั้นคือบร๊ะเจ้าาา ฮึ่ยยย... ติดตามความฮาสุดมืดบอดของแฟนเพลงคนนี้ได้ที่ @MandaSwaggie ในทวิตเตอร์เอาละกัน แต่สำหรับวันนี้ ผิดหวังกับมนุษยชาติมาก ขอลา...
Saturday, July 7, 2012
แอบดูอัลบั้มใหม่ No Doubt ใกล้พรีเมียร์เต็มที
เลดี้ กาก้าฝากถามมาทั้งที ก็ตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่า "โคตรตื่นเต้นเลยแหละ!" ก็ No Doubt วงโปรดผมตั้งแต่เด็ก ที่หายหน้าหายตาไปตั้งสิบปีจะกลับมาอีกครั้งทั้งที ส่วน Gwen Stefani ก็เป็นผู้หญิงที่สวยเพอร์เฟกที่สุดในจักรวาลเสมอ เพราะฉะนั้นข่าวการกลับมารวมตัวกันในอัลบั้มใหม่นามว่า Push and Shove และซิงเกิ้ลใหม่ในเพลง Settle Down ที่กำลังจะปล่อยในวันที่ 16 เดือนนี้จึงเป็นอะไรที่น่าจับตามองอย่างมากกก!!
หนึ่งทศวรรษผ่านไปตั้งแต่ซิงเกิ้ล Hella Good เมื่อปี 2001 วงสกาพังค์สุดซ่าห์หลังจากไปทำอัลบั้มเดี่ยวกันบ้าง ไปตั้งครอบครัวมีลูกมีหลานกันบ้าง เมื่อประมาณปลายปีที่แล้วเจ๊เกวนนักร้องนำก็ลงทุนสมัคร Twitter พร้อมกับทวีตข่าวดี ว่าพวกเขากำลังเข้าสตูดิโอทำอัลบั้มใหม่กันอย่างขะมักเขม้น งานนี้แฟนเพลงรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ทั่วโลกก็ตามฟอลโลว์พร้อมตื่นเต้นกันยกใหญ่ ไม่นานมานี้ No Doubt ก็ออกวีดีโอคลิปเล็กๆ สองคลิปในยูทูปให้ไปแอบดูความเป็นไปภายในสตูดิโอและการบันทึกเสียงเพลง Settle Down ภายใต้การโพรดิวซ์ของ Spike Stent ที่เคยผลิตอัลบั้มให้กับ Madonna, Gaga และ U2 มาแล้ว
ฟังจากทั้งจังหวะ ทั้งเครื่องเป่าที่ได้ยินในคลิปข้างบนก็พอจะบอกได้ว่า No Doubt คงไม่หนีห่างจากดนตรีสกาพังค์ เร็กเก้ แดนซ์ฮอลล์ อย่างที่เคยทำสมัยก่อนซักเท่าไหร่ และดูเหมือนจะเขยิบเข้าใกล้อีกนิดซะด้วย ฟังแค่อัดดนตรีสดอย่างเดียวก็อย่าเพิ่งรีบคิดว่างานนี้จะย้อนยุคกลับไปสมัยอัลบั้ม Tragic Kingdom หรือบินเข้าคิวบา จาไมกาไปซะแล้วหรือเปล่า เพราะเขาได้อีกสองโพรดิวเซอร์สุดฮิตในตอนนี้อย่าง Diplo และ Switch ในนาม Major Lazer กับซาวน์ล้ำๆ มาช่วยสมทบอีกต่างหาก
Settle Down จะพรีเมียร์ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ ส่วนอัลบั้มจะวางแผงวันที่ 25 กันยานู้น ระหว่างนั้นวงก็จะเดินสายเปิดตัวเพลงทั้งในงาน Nickelodeon Teen Choice Awards, Jimmy Fallon Late Night Show ไปจนถึง Good Morning America ภายในเดือนนี้อีกเช่นกัน
เพราะฉะนั้น เลดี้กาก้า คุณไม่ใช่คนเดียวที่ตื่นเต้นแน่นอน!!
Thursday, July 5, 2012
Fruity Review #3
Scissor Sisters
Magic Hour
7/10
กุมภาพันธ์ปี 2004 วงการดนตรีอังกฤษมีอันต้องสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความเกย์แก่นแก้วโหมกระหน่ำ โดยพลังความแรงของพี่น้องกรรไกร วงแกลมร็อคเท้าไฟหัวใจเกินหญิงอันมีนามว่า Scissor Sisters ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกสุดเปรี้ยวทั้งสี่นาง ไม่ว่าจะเป็น Jake Shears นักร้องนำเกย์ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการ มือกีตาร์ Del Marquis อดีตสามีนังเจค Babydaddy มือกีตาร์ เบส และคีย์บอร์ดผู้มากความสามารถ และ Ana Matronic หญิงเดี่ยวหนึ่งเดียวในวงที่ดีกรีความเปรี้ยวไม่แพ้กระเทยหน้าไหน Scissor Sisters ดีเด่นด้วยดนตรีแนว Glam Rock, Nu-Disco สุดแสบสันต์ ไปจนถึง Electroclash ที่พูดถึงสาวโสเภณีข้างถนนในนิวยอร์คได้อย่างสนุกสนานถึงแก่น พร้อมรางวัลชนะเลิศ Platinum แปดครั้งในอังกฤษ แม้ว่าทั้งสี่นางจะหอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากอเมริกาก็ตาม
เวลาผ่านไปเกือบสิบปี Scissor Sisters กลายเป็นสาวใหญ่ใจเกินร้อยที่มีผลงานออกมาให้หายคิดถึงไม่ขาดสาย แต่ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องตามสูตรเดิมที่ตัวเองสร้างไว้เพื่อรักษาความเผ็ดแบบเดิมไม่ให้เลือนหาย แม้ว่าจะมีการแวะทดลองของใหม่รายทางบ้างแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่ากับของเก่าดั้งเดิม จึงเริ่มเป็นภาคบังคับกลายๆ ว่า Scissor Sisters จะต้องคงแบบต้นตำรับความแรงตามที่แฟนเพลงจำภาพไว้ ไม่ว่าจะเก๋าขี้นแค่ไหนก็ตาม
Magic Hour เป็นอัลบั้มหมายเลขสี่ที่วางแผงไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภา มาพร้อมกับหน้าปกม้าลายแบบงงๆ ทำเอาหลายคนแอบหลงผิดคิดไปว่าพวกเธอจะเริ่มปลงสังขารกันแล้วรึเปล่า แต่ไม่เลยเมื่อเราได้ยินเพลงอย่าง Let's Have A Kiki กึ่งเพลงกึ่งคลิปเสียงของสาวแอนนาฝากข้อความทิ้งไว้ในโทรศัพท์ได้อย่างฮากลิ้ง Best In Me ที่รู้สึกเหมือนได้ไปเหยียบย่าน Lower East Side ในนิวยอร์กด้วยตัวเอง Shady Love เพลงจังหวะกระฉึกกระฉักที่แอบเสียแต้มที่อุตสาห์ได้แร็พเปอร์ Azealia Banks มาร่วมร้องแต่นังเจคดันไปร้องท่อนแร็พแล้วให้ Azealia Banks ไปร้องท่อนฮุคเสียเฉย Self Control เกาะกระแสชิคาโกเฮาส์ที่กำลังกลับมาเฟื่องฟูที่กลุ่ม Azari & III ได้นำร่องนำไปแล้ว รวมไปถึง Only The Horses ซิงเกิ้ลนำสุดจะฟีลกู๊ดที่แปะป้าย Calvin Harris ร่วมลงไม้ลงมือปั้นหรา ออกมาเป็นป็อปติดหูฟังสนุกแม้ว่าจะมีลายเซ็นคอลวินอยู่พร้อยไปหมดก็ตาม ในขณะที่เพลงช้าก็เข้าท่าเข้าทางดีไม่หยอก เช่น Inevitable กับ Years of Living Dangerously เหมือนย้อนกลับไปฟังเพลงฮิตยุค 80s อย่าง George Michael หรือเพลงช้าของ Eurythemics เป็นที่แสดงอีกด้านหนึ่งที่ลึกซึ้งของวงหรือเรียกง่ายๆ คือช่วงสร่างเมาของนางนั่นเอง
แต่ก็หาใช่ว่าจะมีแต่เพลงดีๆ เสมอไป เพลงแดดิ้นตายซากบางเพลงก็มี เช่น San Luis Obispo ที่ไม่รู้คิดอะไรอยากจะเดินรอยตามเพลงเกาะสวาสหาดสวรรค์ La Isla Bonita ของเจ๊แม่แต่ออกมาได้แห้งแล้งแปลกปลอมสิ้นดี Keep Your Shoes On เป็นอีกหนึ่งเพลงเต้นรำ ทีไปไหนไม่ได้ไกลเพราะถูกเพลงร่วมอัลบั้มกลบรัศมีไปเรียบร้อยแล้ว Baby Come Home ก็ซ้ำซากย่ำต๊อกอยู่กับแพทเทิร์นเดิมๆ ของอัลบั้มเก่าที่ฟู่ฟ่ากว่าอย่าง I Don't Feel Like Dancing หรือ Take Your Mama เป็นต้น
ถึงเวลาให้คะแนนก็คงต้องบอกว่าพี่น้องกรรไกรสอบผ่านฉลุยในมาตรฐานของตัวเองหากพูดถึงเรื่องการรักษาความแซ่บไว้คู่รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แม้ว่าจะสู้อัลบั้มก่อนอย่าง Night Work ไม่ได้ในเรื่องคอนเซปต์ที่ดาร์กกว่า เข้มข้นกว่า Magic Hour หันไปจับความสนุกสนานร่าเริงและแรดราวกับเพลงประกอบหนัง Priscilla Queen of the Desert ก็ไม่ปาน แม้จะอัลบั้มชุดนี้จะไม่ใช่งานระดับตำนาน แต่แน่ใจว่า Scissor Sisters จะเป็นวงแรกที่ผู้คนจะเอ่ยชื่อเมื่อคุณพูดถึงดนตรีในกลุ่มแกลมร็อคในยุคนี้เสมอแน่นอน
If you love this, try these: vintage Madonnas, Azarii & III, Hercules and Love Affair, Sam Sparro
Sunday, July 1, 2012
Snippet: Ke$ha - Supernatural
เนื่องจากอัลบั้มก่อน Animal อะไรนั่นฟังไม่เข้าหูซักเพลง เลยแอบค่อนแคะในใจว่ายัย Silly White Party Girl อย่างหล่อนจะไปได้ซักกี่น้ำ แต่พอได้ข่าวว่าที่หายหน้าหายตาไปตอนนี้กำลังแอบไปซุ่มทำอัลบั้มใหม่ที่ Kesha เธออวดอ้างสรรพคุณว่าจะเป็นอะไรที่ได้รับอิทธิพลจาก The Beastie Boys เบะปากนิดหน่อยพอรู้ว่าเธอได้ร่วมงานกับ Wayne Coyne แห่ง The Flaming Lips ในอัลบั้มนี้อีกต่างหาก พอมาได้ยิน snippet สี่สิบวิฯของเพลง Supernatural ที่เธอบรรจงตัดเฉพาะท่อนเทคโนเบรคดาวน์มาเน้นๆ ในหลอดข้างล่างนี้ ก็บอกตามตรงว่า ขนลุกนิดหน่อย ...งานนี้มารอดูกันว่าอัลบั้มหน้าเคชช่าเธอจะได้เลื่อนระดับมาตรฐานใหม่หรือใครแถวนี้จะต้องหน้าแหกกันแน่
Subscribe to:
Posts (Atom)
Blog Archive
About Me
![My photo](http://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjl4r01j_2TbPpTFuguFKhGNTK58gTBQDaMbdZRn9uvsBFP3jABnZpj7bOPX6Bxc90Kt0GGWTeavLC3vz1iH2J3QPJtZCHcSg8Z5ot_EgvRUjQZ0BLdmUt5dtfYzpp6Cg/s220/IMG_4351.jpg)
- Harmish Muszid
- my name is mish my favorite color is turquoise when i grow up I want to be an architect